โครงสร้างในตลาด Forex

โครงสร้างในตลาด Forex

เพื่อการเปรียบเทียบ สามารถให้เราตรวจสอบตลาดที่คนส่วนใหญ่น่าจะคุ้นเคยกันดีก่อน นั่นคือ ตลาดหุ้นหรือ stock market

นี่คือลักษณะโครงสร้างของตลาดหุ้นหรือstock market:

โดยธรรมชาติแล้ว ตลาดหุ้นมักจะมีความผูกขาด และมีเพียงองค์กรเดียว ผู้เชี่ยวชาญเพียงคนเดียวที่ควบคุมราคาเอาไว้

การเทรดทั้งหมดต้องผ่านผู้เชี่ยวชาญ ด้วยเหตุนี้ ราคาจึงสามารถเปลี่ยนแปลงได้ง่ายเพื่อประโยชน์ของผู้เชี่ยวชาญไม่ใช่เทรดเดอร์

สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร？

ในตลาดหุ้น ผู้เชี่ยวชาญจะถูกบังคับให้ปฏิบัติตามคำสั่งของลูกค้า ตัวอย่าง:สมมติว่าจำนวนผู้ขายเกินจำนวนผู้ซื้อในทันที

ผู้เชี่ยวชาญซึ่งถูกบังคับให้ปฏิบัติตามคำสั่งของลูกค้า ผู้ขาย ในกรณีนี้ มีสต็อกจำนวนมากที่เขาไม่สามารถขายออกให้กับฝ่ายผู้ซื้อได้

เพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ผู้เชี่ยวชาญเพียงแค่ขยายค่าสเปรดหรือเพิ่มต้นทุนการทำธุรกรรมเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ขายเข้าสู่ตลาด

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ผู้เชี่ยวชาญสามารถปรับเปลี่ยนราคาเสนอเพื่อตอบสนองความต้องการได้

การเทรด Forex คือการกระจายอำนาจ

ไม่เหมือนกับการซื้อขายหุ้นหรือฟิวเจอร์ส คุณไม่จำเป็นต้องผ่านการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ เช่น ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กด้วยราคาเดียว

ในตลาดF orex ไม่มีราคาตายตัวสำหรับสกุลเงินใดสกุลเงินหนึ่ง ตลอดเวลา ซึ่งหมายความว่าราคาจากดีลเลอร์ที่จำหน่ายสกุลเงินต่างๆ จะแตกต่างกันออกไป

“ทางเลือกมากมาย! สุดยอดไปเลย!”

มันอาจจะดูเยอะแยะมากมายในตอนแรก แต่นี่แหละคือสิ่งที่ทำให้ตลาดForexนั้นยอดเยี่ยมที่สุด!

ตลาดมีขนาดใหญ่มากและการแข่งขันระหว่างดีลเลอร์นั้นดุเดือดจนคุณได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดเกือบทุกครั้ง และบอกฉันทีใครจะไม่ต้องการกันล่ะ？

นอกจากนี้ สิ่งที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่งเกี่ยวกับการเทรดForex ก็คือคุณสามารถทำมันได้ทุกที่ มันเหมือนกับการค้าขาย Jordans หรือกระเป๋าถือหายาก

คุณต้องการให้แอร์จอร์แดน 4 Retro Eminem Encore ปี 2017 สภาพดี ดังนั้นจึงขึ้นอยู่กับคุณที่จะหาข้อตกลงที่ดีที่สุดให้ได้

บันใดตลาด Forex

ถึงแม้ว่าตลาดForexจะมีการกระจายอำนาจ แต่ก็ไม่ได้ง่ายและมีความวุ่นวายที่สุด!

ผู้เข้าร่วมในตลาดForexสามารถจัดเป็นขั้นบันไดได้ เพื่อจะได้เข้าใจความหมายของเราได้ดีขึ้น นี่คือตัวอย่าง:

ที่ด้านบนสุดของบันไดตลาด forex คือinterbank market.

ประกอบด้วยธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้เข้าร่วมตลาดนี้ทำการค้าโดยตรง เรียกว่า (“ ทวิภาคี”) ผ่านเสียง หรือ electronic brokers(เช่น EBS Market และ Reuters Matching)

การแข่งขันระหว่างทั้งสองบริษัท คือ EBS และ Reuters (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น Refinitiv) คล้ายกับ Coke และ Pepsi

พวกเขาอยู่ในการต่อสู้อย่างต่อเนื่องเพื่อแย่งชิงลูกค้าและพยายามแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ทั้งสองบริษัทเสนอคู่สกุลเงินส่วนใหญ่ คู่สกุลเงินบางคู่มีสภาพคล่องมากกว่าคู่อื่นอีกด้วย

สำหรับแพลตฟอร์ม EBS EUR/USD, USD/JPY, EUR/JPY, EUR/CHF และ USD/CHF มีสภาพคล่องมากกว่า

ในขณะเดียวกัน สำหรับแพลตฟอร์ม Reuters GBP/USD, EUR/GBP, USD/CAD, AUD/USD และ NZD/USD มีสภาพคล่องมากกว่า

ธนาคารทั้งหมดที่เป็นส่วนหนึ่งของตลาดระหว่างธนาคารซึ่งจะสามารถเห็นอัตราที่แต่ละธนาคารเสนอให้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าทุกคนสามารถทำข้อตกลงในราคาเหล่านั้นได้

เช่นเดียวกับในชีวิตจริง อัตราส่วนใหญ่จะขึ้นอยู่กับความสัมพันธ์ของเครดิตที่จัดตั้งขึ้นระหว่างคู่สัญญาทั้งสองฝ่าย

มันเหมือนกับการขอสินเชื่อที่ธนาคารในท้องถิ่นของคุณ ยิ่งสถานะเครดิตและชื่อเสียงของคุณดีมากเท่าไหร่ อัตราดอกเบี้ยและเงินกู้ที่มากขึ้นที่คุณจะได้รับก็จะยิ่งดีขึ้นเท่านั้น

ขั้นต่อไปคือกองทุนป้องกันความเสี่ยง บริษัทต่างๆ retail market และ retail ECNs.

เนื่องจากสถาบันเหล่านี้ไม่มีความสัมพันธ์ด้านสินเชื่อที่แน่นแฟ้นกับผู้เข้าร่วมในตลาดระหว่างธนาคาร พวกเขาจึงต้องทำธุรกรรมผ่านธนาคารพาณิชย์

ซึ่งหมายความว่าเรทของพวกเขาสูงขึ้นเล็กน้อยและมีราคาแพงกว่าผู้ที่เป็นส่วนหนึ่งของตลาดระหว่างธนาคารนั่นเอง

ที่ด้านล่างสุดของบันไดคือผู้ค้าปลีกหรือ retail traders

มันเคยเป็นเรื่องยากมากสำหรับเราที่คนตัวเล็ก ๆ จะมีส่วนร่วมในตลาดForex แต่ด้วยการถือกำเนิดขึ้นของอินเทอร์เน็ต การเทรดบนช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ และโบรกเกอร์รายย่อย อุปสรรคที่ยากลำบากในการเข้าสู่การเทรดForexก็ได้หายไปหมดแล้ว

สิ่งนี้ทำให้เราได้มีโอกาสเล่นกับผู้ที่อยู่บนบันไดขั้นสูงกว่าและแหย่พวกเขาด้วยไม้เท้าที่ยาวและราคาถูกมากกว่า

ตอนนี้คุณได้รู้ถึงโครงสร้างตลาด forex แล้ว มาทำความรู้จักกับตลาด forex playaz กันเถอะ!