แอปที่รวมข้อมูลโบรกเกอร์ทั่วโลกไว้ที่เดียว
WikiFX
โบรกเกอร์
รายการจัดอันดับ
ผู้มีอำนาจกำกับดูแล
  • ติดตาม
  • สำหรับคุณ
  • แนวโน้ม
  • ธุรกิจ
1g h jv f f f

การเปิดเผย แม้ว่าพวกเขาจะให้ข้ออ้างทั้งหมด แต่พวกเขาก็ปฏิเสธที่จะดำเนินการถอนเงินของฉัน ฉันมั่นใจว่าฉันได้ให้หมายเลขบัตรธนาคารที่ถูกต้อง แต่พวกเขายืนยันอย่างอื่น...

แพลตฟอร์มสีดำ
In a week
4
1
FX3850539310

การเปิดเผย การฉ้อโกงและการทุจริตร้ายแรง

สวัสดีครับ แอปนี้เป็นแอปที่โกงเราหลายคน มันเริ่มต้นในเดือนมิถุนายน พ.ศ. 2567 และถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 มันล้มเหลวและมีผู้คนหลายคนเสียเงิน พวกเขาใส่สองสัญญาณสำหรับการซื้อขายและในวันที่ 17 มีนาคม พ.ศ. 2568 พวกเขาอ้างว่าเป็นเหยื่อของการโจมตีแฮกกิ้งที่ขโมย 12 ล้าน USDT ทำให้เงินของเราถูกตรึงตรา พวกเขาบอกว่าเราต้องฝาก 100 USDT เพื่อเริ่มการซื้อขายและปลดตรึงเงินภายในวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2568 เมื่อถึงวันที่นี้พวกเขาต้องการให้ฝากเงิน 10% ของเงินของเราเพื่อให้แน่ใจว่าเราเป็นคนจริงและปลดล็อคเงินของเรา ในที่สุดแอปก็หยุดทำงานอย่างสมบูรณ์ ทุกอย่างกลายเป็นเปล่าเปลี่ยว พวกเขาโกงคนหลายคนและขโมยเงินหลายพันดอลลาร์ ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ลองค้นหาชื่อแอปนี้ใน Facebook จะมีกลุ่มเกี่ยวกับมันอยู่
Three days ago
3
1
WikiFX2023

"อย่าให้ความโลภพาคุณพลาด" เคล็ดลับควบคุมการเทรดอย่างมีสติ

การเทรดในตลาดการเงินเป็นเส้นทางที่เต็มไปด้วยโอกาสและความท้าทาย ทุกการตัดสินใจมีผลต่อผลกำไรและขาดทุนที่คุณอาจได้รับ แต่มีกลไกหนึ่งที่อาจทำให้คุณหลุดจากเส้นทางที่วางไว้อย่างราบรื่น และนั่นก็คือ "ความโลภ" ที่แฝงตัวอยู่ในทุกการเทรด ความโลภไม่ได้หมายความว่าเป็นความปรารถนาที่จะทำกำไรเพียงเล็กน้อย แต่หมายถึงความต้องการที่จะได้มากเกินไปในช่วงเวลาสั้นๆ โดยไม่พิจารณาถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น หรือแม้กระทั่งการมองข้ามข้อเท็จจริงที่ว่าตลาดไม่เคยแน่นอนและเต็มไปด้วยความผันผวน ความโลภมักทำให้คุณเสียการควบคุมอารมณ์ และในที่สุดมันก็อาจนำไปสู่การสูญเสียที่ยากจะฟื้นตัว เมื่อความโลภทำให้การเทรดของคุณพัง ในช่วงเวลาที่ตลาดเคลื่อนไหวไปในทิศทางที่ดี และกำไรเริ่มมาเยือน ความโลภมักจะเริ่มแทรกซึมเข้ามาในใจของนักเทรด พวกเขามักคิดว่า "ทำไมจะไม่ได้มากกว่านี้?" หรือ "ตลาดตอนนี้กำลังดี ทำไมไม่เพิ่มตำแหน่งไปอีกหน่อย?" แต่ปัญหาคือเมื่อคุณปล่อยให้ความโลภเป็นตัวขับเคลื่อนการตัดสินใจ คุณจะไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่จะตามมา ซึ่งอาจทำให้คุณเปิดตำแหน่งที่มากเกินไปหรืออยู่ในตลาดนานเกินไปจนเกินขีดจำกัดที่ตั้งไว้ ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อยคือ การเทรดในช่วงที่ตลาดขาขึ้น นักเทรดที่มีความโลภอาจมองเห็นโอกาสในการทำกำไรแบบไม่มีที่สิ้นสุดและเปิดตำแหน่งซื้อมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งตลาดกลับตัวหรือเกิดการผันผวนอย่างรุนแรง ความโลภในจังหวะนี้ทำให้พวกเขาตัดสินใจผิดพลาดและขาดทุนไปมากกว่าที่ควรจะเป็น ทำไมความโลภถึงเป็นปัญหาใหญ่ในโลกของการเทรด? ความโลภมักเกิดจากการไม่ยอมรับความจริงว่า "การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด" เมื่อคุณตั้งเป้าหมายเพียงแค่ "กำไรสูงสุด" โดยไม่คำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น คุณจะสูญเสียความสมดุลในการตัดสินใจ และมักจะเข้าไปในตำแหน่งที่เกินขีดจำกัดทางการเงินหรือจิตใจ นอกจากนี้ ความโลภยังทำให้คุณมองข้ามกลยุทธ์ที่มีความเสี่ยงต่ำและปลอดภัย การยึดติดกับความโลภทำให้คุณไม่สนใจการตั้ง Stop-Loss หรือ Take-Profit ที่เหมาะสม ซึ่งทำให้การจัดการความเสี่ยงของคุณหายไปในที่สุด วิธีควบคุมความโลภในการเทรด 1.การตั้งขีดจำกัดการขาดทุน (Stop-Loss) และกำไร (Take-Profit) การตั้ง Stop-Loss และ Take-Profit เป็นการตั้งขีดจำกัดที่สำคัญที่จะช่วยให้คุณควบคุมความโลภได้ดีขึ้น เมื่อคุณมีขีดจำกัดที่ชัดเจนในแต่ละการเทรด คุณจะไม่รู้สึกกดดันที่จะทำกำไรเพิ่มขึ้นหรือลดขาดทุนโดยไม่คิดให้รอบคอบ โดยการตั้งขีดจำกัดเหล่านี้จะทำให้คุณมีระเบียบและป้องกันไม่ให้ความโลภเข้ามามีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการเทรดของคุณ 2.การยอมรับความเสี่ยงและความขาดทุน การเทรดไม่ใช่เรื่องที่สามารถชนะได้ทุกครั้ง และการยอมรับว่า "การขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของการเทรด" เป็นสิ่งสำคัญ การยอมรับความจริงนี้จะช่วยให้คุณสามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีขึ้นและไม่ปล่อยให้ความโลภทำให้คุณเปิดตำแหน่งที่เสี่ยงเกินไป หากคุณรู้จักยอมรับการขาดทุนอย่างมีสติ คุณจะไม่ติดอยู่ในอารมณ์ของความโลภ และจะสามารถพัฒนาทักษะการเทรดในระยะยาวได้ 3.การทำการบ้านและวางแผนการเทรด การเตรียมตัวและการมีแผนการเทรดที่ชัดเจนก่อนที่จะเปิดตำแหน่งใดๆ เป็นวิธีที่ดีในการหลีกเลี่ยงความโลภ โดยคุณต้องตั้งเป้าหมายการเทรดอย่างมีระเบียบ และคำนึงถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการเปิดตำแหน่งในตลาด การวางแผนที่ดีจะช่วยให้คุณไม่ต้องรีบเร่งหรือถูกกดดันจากความโลภในการตัดสินใจ คุณจะรู้ว่าเมื่อไหร่ควรเข้าและออกจากตลาด และจะไม่หลงใหลไปกับความคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผล 4.การรักษาวินัยและการควบคุมอารมณ์ การรักษาวินัยในการเทรดเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการควบคุมความโลภ นักเทรดที่ประสบความสำเร็จมักจะมีวินัยที่สูง และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรหยุดและยอมรับผลลัพธ์ของการเทรด การควบคุมอารมณ์ไม่ให้ความโลภเข้ามากำหนดการตัดสินใจจะช่วยให้คุณสามารถมองตลาดได้อย่างมีสติ และสามารถตัดสินใจอย่างรอบคอบ สรุป ความโลภอาจเป็นสิ่งที่ผลักดันให้คุณไปสู่การทำกำไรที่สูงขึ้น แต่ในทางกลับกันมันก็สามารถทำให้คุณหลุดออกจากเส้นทางการเทรดที่มีระเบียบได้อย่างง่ายดาย การยอมรับความเสี่ยง การตั้งขีดจำกัดในการเทรด และการรักษาวินัยในตัวเองจะช่วยให้คุณหลีกเลี่ยงปัญหาที่เกิดจากความโลภ และสามารถเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพในระยะยาว หากคุณสามารถควบคุมความโลภได้ การเทรดของคุณจะเต็มไปด้วยความสมดุลและการตัดสินใจที่มีสติ ซึ่งจะช่วยให้คุณประสบความสำเร็จในตลาดได้อย่างยั่งยืน แอดเหยี่ยว ขอให้ทุกคนโชคดีในการเทรดครับ! อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source
2024-12-23
1
3
WikiFX2023

ทองปิดบวก $3.70 หลังสหรัฐฯเผยดัชนี PPI ต่ำกว่าคาด

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (14 ม.ค.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ที่ต่ำกว่าคาด ซึ่งทำให้นักลงทุนมีความหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ นอกจากนี้ ดัชนี PPI ที่ต่ำกว่าคาดยังส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและเป็นปัจจัยหนุนตลาดทองคำ ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 3.70 ดอลลาร์ หรือ 0.14% ปิดที่ 2,682.30 ดอลลาร์/ออนซ์ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่าดัชนี PPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้ผลิต ปรับตัวขึ้น 3.3% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.5% หลังจากปรับตัวขึ้น 3.0% ในเดือนพ.ย. ส่วนดัชนี PPI พื้นฐาน (Core PPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 3.5% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบรายปี ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.8% หลังจากปรับตัวขึ้น 3.5% ในเดือนพ.ย. จิม วิคคอฟฟ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Kitco Metals กล่าวว่า ดัชนี PPI ที่ต่ำกว่าคาดส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ปรับตัวลง และช่วยให้ราคาทองคำมีความน่าดึงดูดมากขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูล PPI ล่าสุดยังทำให้ตลาดมีความหวังว่าเฟดจะยังคงปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันนี้ เพื่อประเมินทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค จะปรับตัวขึ้น 2.9% ในเดือนธ.ค. เมื่อเทียบเป็นรายปี หลังจากที่เพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนพ.ย. และคาดว่าดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน จะเพิ่มขึ้น 3.3% เมื่อเทียบรายปี ไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือนพ.ย. ขอบคุณ สำนักข่าวอินโฟเควสท์
01-15
3
6
WikiFX2022

ข้อคิดดีๆ จากหนังสือ " The Earned Life ชีวิตที่ไม่เสียดายต้องใช้อย่างไร"

วันนี้แอดเหยี่ยวนำบทความดีๆจากเพจ Readism มาฝากกันครับเป็นข้อคิดดี ๆ จากหนังสือที่ชื่อว่า "The Earned Life ชีวิตที่ไม่เสียดายต้องใช้อย่างไร"มาฝากทุกคนครับ 1. ชีวิตที่มีความหมายเริ่มจากความชัดเจนในเป้าหมาย หากเราไม่มีเป้าหมายที่ชัดเจน ชีวิตจะเหมือนการเดินเรือที่ไม่มีทิศทาง การรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ช่วยให้เราเลือกสิ่งที่เหมาะสมและตัดสิ่งที่ไม่สำคัญออกไป การตั้งเป้าหมายที่สัมพันธ์กับคุณค่าของตัวเอง ทำให้ทุกย่างก้าวของเรามีความหมาย 2. อย่าปล่อยให้ความสำเร็จในอดีต หยุดการเติบโตในอนาคต เรามักติดกับดักของ “ความสำเร็จเดิมๆ” ที่ทำให้เรากลัวการลองสิ่งใหม่ การยึดติดกับอดีตทำให้เราพลาดโอกาสที่จะเติบโตและค้นพบศักยภาพใหม่ๆ ของตัวเอง ชีวิตที่สมคุณค่าคือการก้าวต่อไป แม้ต้องออกจากเขตปลอดภัย 3. ทุกวันคือโอกาสใหม่ในการสร้างชีวิตที่มีคุณค่า เราไม่จำเป็นต้องรอ “วันพิเศษ” เพื่อเริ่มเปลี่ยนแปลงตัวเอง ชีวิตที่มีคุณค่าเริ่มต้นได้ในทุกขณะ ไม่ว่าจะผ่านการตั้งเป้าหมายใหม่ การทำสิ่งเล็กๆ ที่มีความหมาย หรือการใช้เวลากับคนที่เรารัก เพราะทุกวินาทีที่ผ่านไปคือการลงทุนในชีวิตของเรา 4. ความสำเร็จที่แท้จริง ต้องเชื่อมโยงกับความสุขภายใน ความสำเร็จที่ไม่มีความสุขมักกลายเป็นความว่างเปล่า เราต้องถามตัวเองเสมอว่า สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นำไปสู่ความสุขและความสงบในจิตใจหรือไม่ ความสำเร็จที่แท้จริงคือการที่เราไม่ต้องเสียความสุขของตัวเองไปในกระบวนการ 5. การให้อภัยตัวเองคือของขวัญที่ดีที่สุด ความผิดพลาดและความล้มเหลวเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แต่การจมอยู่กับความรู้สึกผิดจะกลายเป็นโซ่ตรวนที่รั้งเราไว้ การให้อภัยตัวเองไม่ใช่การลืมอดีต แต่คือการยอมรับและเรียนรู้จากมัน เพื่อก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นใจ 6. ชีวิตที่มีค่าไม่ได้วัดจากสิ่งที่เรามี แต่วัดจากสิ่งที่เรามอบให้ ความมั่งคั่งและความสำเร็จส่วนตัวอาจสร้างความพึงพอใจชั่วคราว แต่การมอบคุณค่าให้ผู้อื่นสร้างความหมายที่ยั่งยืน การแบ่งปันความรู้ ความเมตตา และการช่วยเหลือคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตเรามีคุณค่าอย่างแท้จริง ขอบคุณข้อมูลจาก Readism
01-17
1
WikiFX2022

เลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา "ทรัมป์ VS แฮร์ริส" ผลกระทบเศรษฐกิจที่แตกต่าง

การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 5 พ.ย. 2567 ถือเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่ต้องจับตาสำหรับไทย เพราะไม่ว่านายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน หรือนางคามาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต จะเป็นผู้ชนะ เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทยจะได้รับผลกระทบที่แตกต่าง โดยเฉพาะโอกาสที่จะเกิดสงครามทางการค้า และผลต่อการไปต่อหรือจบสงครามในพื้นที่จริงที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ เพราะนโยบายของทั้ง 2 ฝ่ายแตกต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งในด้านการค้า การลงทุน และนโยบายที่อาจส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อล้วนมีนัยสำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจไทย ยกตัวอย่างจากสถิติการตอบสนองของตลาดหุ้นหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ (Honeymoon Period) นับตั้งแต่ปี 1930 หรือหลังวิกฤติเศรษฐกิจ “Great Depression” เป็นต้นมา พบว่าหลังการเลือกตั้ง 2 เดือน (พ.ย.-ธ.ค.) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ (DJIA Index) มักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย +3.4% โดยมีระดับความเชื่อมั่นที่ 75% ส่วนตลาดหุ้นไทยหลังการเลือกตั้งสหรัฐฯ 3 เดือน มักให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย +3.2% และมีโอกาสในการปรับตัวขึ้นสูงถึง 82% อีกครั้ง...ไม่ว่าใครจะชนะ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน จะยังคงดำเนินต่อไปและรุนแรงขึ้น ไทยอาจได้ประโยชน์จากการย้ายฐานการผลิตของสหรัฐฯ ในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีและเซมิคอนดักเตอร์ และการส่งออกสินค้าไปสหรัฐฯ ทดแทนสินค้าจีน แต่หากสินค้าจีนถูกจำกัดการส่งออกไปสหรัฐฯไทยก็ควรเตรียมมาตรการรับมือกับการหลั่งไหลของสินค้าจีนเข้าไทยมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะบวกหรือลบไทยหนีไม่พ้น ต้องตระหนักรู้ รับมือ และเปิดรับโอกาสในวาระการเปลี่ยนผ่านตัวผู้นำประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดของโลก มูลค่ามากกว่า 28 ล้านล้านเหรียญ สหรัฐฯในครั้งนี้ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กอบศักดิ์ ภูตระกูล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ เลขานุการบริษัท และกรรมการบริหาร ความแตกต่างระหว่างอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย หรือนางแฮร์ริสชนะได้เป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกนั้น หากทรัมป์กลับมา ผลกระทบที่เห็นชัดคือความขัดแย้งและสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนจะรุนแรงขึ้น เพราะทรัมป์ ต้องการที่จะปกป้องธุรกิจภายในประเทศ แน่นอนกรณีดังกล่าวจะกระทบต่อการส่งออกของประเทศไทย แต่สงครามจริงที่กำลังเกิดในพื้นที่ตะวันออกกลาง ความขัดแย้งกรณีไต้หวันหรือคาบสมุทรเกาหลีจะมีโอกาสลดลง รวมทั้งการสนับสนุนความช่วยเหลือยูเครน เพราะทรัมป์เป็นนักธุรกิจ รู้ดีว่าหากเกิดสงครามขึ้น จะส่งผลเสียต่อการทำธุรกิจและมีผลต่อต้นทุนทางการเงินทั่วโลก และนโยบายทรัมป์ก็ชัดเจนว่า ไม่สนับสนุนการให้เงินหรือความช่วยเหลือประเทศที่ทำสงคราม นอกจากนั้น มีความเป็นได้ว่าทรัมป์จะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ลดดอกเบี้ยเร็วขึ้นและแรงขึ้น เพื่อลดโอกาสเศรษฐกิจถดถอย เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐฯฟื้นจะส่งผลต่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัวได้ดีขึ้น ในทางตรงข้ามหากแฮร์ริสชนะ มองว่าจะดำเนินนโยบายต่อเนื่องจากประธานาธิบดีโจ ไบเดน ซึ่งสงครามการค้าจะไม่รุนแรงขึ้นก็จริง แต่สงครามจริงในพื้นที่จะดำเนินต่อไป ซึ่งน่ากังวลเพราะหากสงครามจริงเกิดขึ้นแล้วจะไม่จบง่ายๆไม่ใช่ยิงกัน เจรจาหยุดยิงแล้วจบเหมือนสมัยก่อน เห็นได้จากในตะวันออกกลางที่ขยายจากประเทศเดียวเป็น 7 ประเทศในขณะนี้ เพราะต่างฝ่ายต่างแก้แค้นกันไปมา หาพันธมิตรเพิ่มขึ้น ขณะที่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่สูงขึ้น อาจทำให้พื้นที่สงครามขยายไปยังที่อื่น “ประเด็นที่ผมกังวลมากที่สุด คือการเกิดสงครามจริงรุนแรงขึ้นมากกว่าจะกังวลสงครามการค้าที่รุนแรง เพราะสงครามจริงจะส่งผลต่อเส้นทางขนส่ง ต้นทุนการค้า การเงิน ต้นทุนพลังงานกระทบทั่วโลก ขณะที่หากเป็นสงครามการค้าที่กีดกันจีนมากขึ้น อาจทำให้ไทยมีโอกาสส่งสินค้าทดแทนจีน ขณะที่บริษัทจีนหรือประเทศอื่นๆที่มีฐานผลิตที่จีนจะย้ายมาลงทุนที่ประเทศไทยมากขึ้นได้เช่นกัน” สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ การเลือกตั้งสหรัฐฯในครั้งนี้ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ จะส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย โดยหากนางแฮร์ริสที่สนับสนุนการค้าเสรีได้รับชัยชนะ อาจผลักดันให้สหรัฐฯเร่งรัดการเจรจากรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจอินโด-แปซิฟิก (IPEF) ที่สหรัฐฯเป็นผู้ริเริ่มให้สำเร็จ รวมทั้งอาจกลับเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (CPTPP) ที่สหรัฐฯเคยเข้าร่วม แต่ถอนตัวในปี 2560 สมัยนายทรัมป์เป็นประธานาธิบดี ซึ่งจะเป็นโอกาสให้ไทยพิจารณาเข้าร่วม เพื่อให้ไทยขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนได้กว้างขวางกว่าเดิม ส่วนมาตรการทางภาษีกับจีน แม้จะนุ่มนวลกว่าทรัมป์ แต่อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานที่เชื่อมโยงกับจีน ทำให้ไทยอาจต้องกระจายความเสี่ยง และหาพันธมิตรทางการค้าใหม่ๆ นอกจากนี้ ยังมีนโยบายส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม ที่อาจส่งผลดีต่อการลงทุนไทยหลายด้าน โดยเฉพาะเทคโนโลยีสะอาด นวัตกรรม พลังงานหมุนเวียน ฯลฯ แต่ก็อาจทำให้เกิดมาตรการทางการค้าใหม่ๆที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อม ขณะที่นโยบายควบคุมเงินเฟ้อ อาจช่วยลดแรงกดดันต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด (Fed) ซึ่งจะช่วยลดความผันผวนของเงินบาทและเงินเฟ้อในไทยได้ แต่หากทรัมป์ชนะ นโยบาย “America First” นโยบายการค้าแบบปกป้อง (Protectionism) และการใช้มาตรการจูงใจทางภาษี เพื่อดึงการลงทุนกลับสู่สหรัฐฯ อาจส่งผลให้การลงทุนจากสหรัฐฯในไทยลดลง โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนยานยนต์ อีกทั้งอาจเกิดการจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีขั้นสูงบางประเภท เช่น เซมิคอนดักเตอร์ หรือเทคโนโลยี 5G ซึ่งอาจส่งผลต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของไทย นอกจากนี้ อาจมีการเพิ่มภาษีนำเข้า โดยเฉพาะจากจีนเป็น 60% หรือมากกว่า ซึ่งอาจเป็นโอกาสให้มีการย้ายฐานการผลิตจากจีนมาไทยเพิ่มขึ้น และความต้องการสินค้าทดแทนจากไทยในตลาดสหรัฐฯ อาจเพิ่มขึ้นด้วย ขณะเดียวกันสหรัฐฯอาจใช้มาตรการกีดกันทางการค้าที่ไม่ใช่ภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งไทยต้องเตรียมพร้อมปรับปรุงมาตรฐานการผลิตให้สอดคล้อง เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันในตลาดสหรัฐฯ ขณะที่นโยบายที่เน้นลดดอกเบี้ย นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย และกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ อาจทำให้เงินเฟ้อไทยสูงขึ้น บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด อภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ ประเมินโอกาสชนะของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Trump) สูงกว่านางคามาลา แฮร์ริส (Harris) และคาดว่าพรรครีพับลิกันจะควบอำนาจมีที่นั่งส่วนใหญ่ในสภา หากเป็นไปตามนั้นคาดว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ และอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้สหรัฐฯ (Bond Yield) จะมีทิศทางขาขึ้น แต่จะมาพร้อมกับความผันผวนที่เพิ่มขึ้นด้วย สำหรับมุมมองความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นสหรัฐฯ และตลาดหุ้นไทยต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯนั้น ทิสโก้คาดว่ากรณีทรัมป์ชนะ คาดว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับขึ้นทันที จากนโยบายลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% เป็น 15% ซึ่งมีการประเมินว่าจะช่วยเพิ่มกำไรของบริษัทใน S&P 500 ประมาณ 4% กรณีแฮร์ริสชนะ การเสนอเพิ่มภาษีนิติบุคคลเป็น 28% ส่งผลลบต่อกำไรประมาณ-5% ถึง-8%เมื่อรวมผลจากนโยบายด้านภาษีอื่นๆ ส่วนผลกระทบต่อตลาดหุ้นเอเชีย กรณีทรัมป์ชนะ นโยบายขึ้นภาษีนำเข้า (60% กับจีน, 10% กับประเทศทั่วไป) อาจไม่เป็นผลดีต่อตลาดหุ้นเอเชีย เนื่องจากราคาสินค้านำเข้าของสหรัฐฯจะสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้น ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ปรับลดดอกเบี้ยลงน้อยกว่าที่คาด กรณีแฮร์ริสชนะอาจคลายความกังวลเรื่องภาษีนำเข้า ส่งผลบวกต่อบรรยากาศการลงทุนในเอเชีย ส่วนผลกระทบต่อตลาดพันธบัตร อัตราผลตอบแทน Bond Yield 10 ปี อาจปรับสูงขึ้น เนื่องจากนโยบายของทั้งคู่น่าจะส่งผลให้สหรัฐฯขาดดุลงบประมาณเพิ่มขึ้นคล้ายกัน โดยหากทรัมป์ชนะและพรรครีพับลิกันครองเสียงข้างมาก อาจหนุน Bond Yield สูงถึง +40 bps ในขณะที่แฮร์ริสชนะและไม่มีพรรคใดครองเสียงข้างมากทั้งสองสภาอาจส่งผลต่อ Bond Yield มากสุดที่ประมาณ +20 bps . สำนักวิจัยธนาคารซีไอเอ็มบีไทย อมรเทพ จาวะลา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง มองด้านบวกเศรษฐกิจโลกจะรอดจากภาวะถดถอย เพราะมาตรการลดภาษีนิติบุคคลจาก 21% เป็น 15% จะกระตุ้นให้ธุรกิจในสหรัฐฯเพิ่มการจ้างงานและปรับขึ้นค่าแรงส่งผลให้เศรษฐกิจสหรัฐฯเติบโตขึ้น ราคาน้ำมันดิบโลกจะลดลง จากนโยบายส่งเสริมการผลิตน้ำมันในสหรัฐฯและการทำข้อตกลงที่เป็นประโยชน์กับประเทศตะวันออก กลาง และรัสเซีย รวมทั้งน่าจะมีการย้ายฐานการ ลงทุนมาไทยเพิ่มขึ้น เพราะภาษีการค้าที่กำหนดต่อจีนจะกระตุ้นให้บริษัทจีนย้ายฐานไปยังประเทศอื่น ช่วยเสริมสร้างอุตสาหกรรมสำคัญ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า อิเล็กทรอนิกส์ และดิจิทัล ส่วนด้านลบมองว่า การส่งออกของไทยจะเสี่ยงโตช้า จากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน รวมทั้งต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลจะอยู่ระดับสูงตามความเสี่ยงทางการคลัง รายได้ภาคเกษตรของไทยเสี่ยงลดลงตามราคาสินค้าตลาดโลก กดดันให้อุปสงค์ในประเทศไทยอ่อนแอตาม หากรองประธานาธิบดีแฮร์ริสชนะ คงเห็นการเปลี่ยนแปลงไม่มาก เนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงที่จะดำเนินนโยบายต่อเนื่องจากประธานาธิบดีไบเดน โดยไทยต้องรับมือกับความไม่แน่นอนของความขัดแย้งระหว่างสหรัฐฯและจีน และต้องไม่เข้าข้างฝ่ายใด ระมัดระวังในการจัดการด้านความสัมพันธ์กับทั้งสหรัฐฯและจีน เพื่อหลีกเลี่ยงการตกอยู่ท่ามกลางความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้น หันไปเพิ่มบทบาทในเวทีโลกโดยใช้อาเซียนเพิ่มอำนาจต่อรอง นอกจากนั้น หากแฮร์ริสชนะ คาดว่าเฟดจะทยอยปรับลดดอกเบี้ยตามทิศทางเงินเฟ้อที่ลดลง นักลงทุนจะลดความสนใจในเงินดอลลาร์ลง เงินบาทน่าจะแตะระดับ 32.50 บาทต่อดอลลาร์ สหรัฐฯในปลายปี 2025 ส่วนการส่งออก คาดว่านอกจากจะชะลอตัวและกดดันการลงทุนภาคเอกชนให้เติบโตช้าลงแล้ว ความต้องการในประเทศจะอ่อนแอตามราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลงด้วย โดยเฉพาะข้าว ยางพารา และมันสำปะหลัง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อรายได้ภาคการเกษตรทั่วประเทศ รวมทั้งครัวเรือนที่มีรายได้น้อยในพื้นที่ชนบท . ขอบคุณข้อมูล จากสำนักข่าวthairath
2024-11-04
1
5
Central Bank of Russia(CBR)

รายชื่อนิติบุคคลที่ตรวจพบสัญญาณการกระทำผิดกฎหมายในตลาดการเงิน edgeprimeoptions

ชื่อ เครื่องหมายการบริการ ยี่ห้อ และสิ่งอื่นๆ ที่ใช้ในการระบุ edgeprimeoptions สัญญาณที่ตรวจพบโดยธนาคารแห่งรัสเซีย สัญญาณของเว็บไซต์พีระมิดทางการเงิน edgeprimeoptions .com วันที่ 17.03.2025
03-17
1
31
FX1691543340

การเปิดเผย ไม่มีการชำระเงิน โดยทางโทรศัพท์

ไม่มีการชำระเงิน ผ่านโทรศัพท์พวกเขากำลังพยายามโน้มน้าวลูกค้าให้ฝากเงินเพิ่มเติม
04-01
7
2
富安

การเปิดเผย คืนเงินที่ฉันทำมาได้ด้วยความยากลำบาก

แพลตฟอร์มถูกบล็อกบัญชีโดยไม่มีเหตุผล ไม่ได้ให้ทองคำ โปรดคืนเงินที่ฉันทำมาได้ด้วยความยากลำบากของฉัน!!!
04-02
7
WikiFX2023

เงินบาทเปิด 33.88 อาจแกว่งในกรอบ 33.75-34.00

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 33.88 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดช่วง เย็นวานนี้ที่ 33.91 บาท/ดอลลาร์ เงินบาทเช้านี้ค่อนข้างทรงตัวจากปิดตลาด ขณะที่ค่าเงินในภูมิภาคเคลื่อนไหวแบบผสมทั้งอ่อนค่าและแข็งค่า โดยเมื่อคืนนี้ สหรัฐฯ เปิดเผย GDP ไตรมาส 4/67 และตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน ออกมาดีกว่าคาดเล็กน้อย อย่างไรก็ดี โดยภาพรวมตลาดยัง กังวลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากกำแพงภาษี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามวันนี้ คือ Flow ทองในตลาดโลกที่ยังทำนิวไฮต่อเนื่อง ประกอบกับ Flow ช่วงสิ้นเดือน สำหรับคืนนี้รอติดตามดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 33.75 – 34.00 บาท/ดอลลาร์ ซึ่งมีปัจจัยสำคัญ – เงินเยน อยู่ที่ระดับ 150.75 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 150.86 เยน/ดอลลาร์ – เงินยูโร อยู่ที่ระดับ 1.0794 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.0760 ดอลลาร์/ยูโร – อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของ ธปท.อยู่ที่ระดับ 33.929 บาท/ดอลลาร์ – รมว.คลัง เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการเจรจากับสหรัฐฯ หลังจากประเทศไทยอยู่ในเกณฑ์ที่จะถูกสหรัฐฯ ขึ้นภาษี ตามนโยบายของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า ขณะนี้คณะทำงานมีการทำงานในเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง – ที่ปรึกษาประธานกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์และโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ. ท.) เปิดเผยถึงผลกระทบ จากการขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ของ “ทรัมป์ 2” ในอัตรา 25% และจะมีผลวันที่ 2 เม.ย.นี้ ว่า คาดว่าไทยจะ ส่งออกไปสหรัฐลดลง 10% – กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ลดลง 1,000 ราย สู่ระดับ 224,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 226,000 ราย – กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขประมาณการครั้งที่ 3 สำหรับผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ประจำไตร มาส 4/2567 เมื่อวานนี้ (27 มี.ค.) โดยระบุว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ขยายตัว 2.4% ในไตรมาสดังกล่าว สูงกว่าตัวเลขประมาณการครั้ง ที่ 1 และ 2 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.3% – ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาริชมอนด์กล่าวว่า หากรัฐบาลสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีนำเข้ารถยนต์ 25% จริง บริษัทรถยนต์จะต้องตัดสินใจเรื่องยาก ๆ เกี่ยวกับราคาขายและอัตรากำไร แม้เขาเชื่อว่าผู้บริโภคคงไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นทั้ง หมดก็ตาม – สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (27 มี.ค.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน ขณะที่นักลงทุนประเมินผลกระทบของมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ รวมทั้งจับตาการเปิด เผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันศุกร์นี้ เพื่อประเมินแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลาง สหรัฐฯ (เฟด) – สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 1.2% ในวันพฤหัสบดี (27 มี.ค.) เนื่องจากนักลงทุนแห่ซื้อทองคำในฐานะ สินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามความวิตกกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าทั่วโลกที่ทวีความรุนแรงและตลาดหุ้นที่ร่วงลงอย่างหนัก หลัง จากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ – ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะเปิดเผยในวันนี้ ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนก.พ. และ ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นสุดท้ายเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน – นักลงทุนรอดูการเปิดเผยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อประเมินแนวโน้ม เงินเฟ้อของสหรัฐฯ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อในการประชุมครั้งล่าสุด ขอบคุณข้อมูลจาก สำนักข่าวอินโฟเควสท์
03-28
3
คลิกเพื่อโหลดเพิ่มเติม
เลือกประเทศหรือภูมิภาค
  • ฮ่องกง

  • ไต้หวัน

    tw.wikifx.com

  • สหรัฐอเมริกา

    us.wikifx.com

  • เกาหลี

    kr.wikifx.com

  • สหราชอาณาจักร

    uk.wikifx.com

  • ประเทศญี่ปุ่น

    jp.wikifx.com

  • อินโดนีเซีย

    id.wikifx.com

  • เวียดนาม

    vn.wikifx.com

  • ออสเตรเลีย

    au.wikifx.com

  • สิงคโปร์

    sg.wikifx.com

  • ประเทศไทย

    th.wikifx.com

  • ประเทศไซปรัส

    cy.wikifx.com

  • ประเทศเยอรมัน

    de.wikifx.com

  • รัสเซีย

    ru.wikifx.com

  • ฟิลิปปินส์

    ph.wikifx.com

  • นิวซีแลนด์

    nz.wikifx.com

  • ยูเครน

    ua.wikifx.com

  • อินเดีย

    in.wikifx.com

  • ฝรั่งเศส

    fr.wikifx.com

  • สเปน

    es.wikifx.com

  • โปรตุเกส

    pt.wikifx.com

  • ประเทศมาเลเซีย

    my.wikifx.com

  • ประเทศไนจีเรีย

    ng.wikifx.com

  • ประเทศกัมพูชา

    kh.wikifx.com

  • อิตาลี

    it.wikifx.com

  • แอฟริกาใต้

    za.wikifx.com

  • ตุรกี

    tr.wikifx.com

  • เนเธอร์แลนด์

    nl.wikifx.com

  • สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

    ae.wikifx.com

  • โคลอมเบีย

    co.wikifx.com

  • อาร์เจนตินา

    ar.wikifx.com

  • เบลารุส

    by.wikifx.com

  • เอกวาดอร์

    ec.wikifx.com

  • อียิปต์

    eg.wikifx.com

  • คาซัคสถาน

    kz.wikifx.com

  • โมร็อกโก

    ma.wikifx.com

  • เม็กซิโก

    mx.wikifx.com

  • เปรู

    pe.wikifx.com

  • ประเทศปากีสถาน

    pk.wikifx.com

  • ตูนิเซีย

    tn.wikifx.com

  • เวเนซุเอลา

    ve.wikifx.com

United States
※ เนื้อหาของเว็บไซต์นี้เป็นไปตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับของท้องถิ่น
คุณกำลังเยี่ยมชมเว็บไซต์ WikiFX เว็บไซต์ WikiFX และผลิตภัณฑ์มือถือเป็นเครื่องมือสืบค้นข้อมูลองค์กรสำหรับผู้ใช้ทั่วโลก เมื่อผู้ใช้ใช้ผลิตภัณฑ์ WikiFX โปรดปฏิบัติตามกฎหมายและระเบียบข้อบังคับที่เกี่ยวข้องของประเทศและภูมิภาคที่พวกเขาตั้งอยู่อย่างมีสต
LineOA:@629cxqrc
หากข้อมูลเช่นใบอนุญาตได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว โปรดส่งข้อมูลไปที่:qawikifx@gmail.com
ร่วมมือด้านการโฆษณา:fxeyevip@gmail.com