Position Trading คืออะไร

Position Tradingเป็นการเทรดระยะยาวและสามารถมีการเทรดได้หลายเดือนถึงหลายปี!

Position Tradingไม่สนใจการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นเพื่อสนับสนุนการระบุและแสวงหาผลกำไรจากแนวโน้มในระยะยาว

เป็นการเทรดประเภทนี้ที่ใกล้เคียงกับ “การลงทุน” มากที่สุด ความแตกต่างที่สำคัญคือในตลาดนอก forex “การลงทุน” มักจะหมายความว่าคุณถือตำแหน่งที่ยาว

การเทรดฟอเร็กซ์ประเภทนี้สงวนไว้สำหรับเทรดเดอร์ที่มีความอดทนสูง และต้องมีความเข้าใจพื้นฐานเป็นอย่างดี

เนื่องจากการเทรดตำแหน่งถูกถือไว้เป็นเวลานาน หัวข้อพื้นฐานจะเป็นประเด็นหลักในการวิเคราะห์ตลาด

ปัจจัยพื้นฐานกำหนดแนวโน้มระยะยาวของคู่สกุลเงินและเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องเข้าใจว่าข้อมูลทางเศรษฐกิจส่งผลต่อประเทศของคุณและแนวโน้มในอนาคตอย่างไร

เนื่องจากการเทรดของคุณใช้เวลานาน การหยุดการขาดทุนของคุณจะใหญ่มาก

ซึ่งหมายความว่าการสูญเสียของคุณอาจมีขนาดใหญ่ แต่ก็หมายความว่าผลกำไรของคุณสามารถเป็นได้ (“มาก” ใน Trumpglish)

คุณต้องแน่ใจว่าคุณมีเงินทุนเพียงพอ มิฉะนั้น คุณจะถูกเรียกหลักประกัน

สำหรับแนวคิดว่าคุณควรมีเงินเท่าไหร่ในบัญชีเทรดของคุณ โปรดดูบทเรียนการจัดการความเสี่ยงของเรา

การเทรดตำแหน่งยังต้องการผิวที่หนาเพราะเกือบจะรับประกันได้ว่าการเทรดของคุณจะขัดแย้งกับคุณในจุดใดจุดหนึ่ง

สิ่งเหล่านี้จะไม่ใช่แค่การย้อนกลับเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

คุณอาจประสบกับความผันผวนครั้งใหญ่ และคุณต้องพร้อมและเชื่อมั่นในการวิเคราะห์ของคุณอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะสงบสติอารมณ์ในช่วงเวลาเหล่านี้

ประเภทของPosition Trading

แม้ว่าการวิเคราะห์พื้นฐานจะมีบทบาทมากขึ้นสำหรับผู้เทรดตำแหน่ง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าจะไม่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค

Positionn Traderมักจะใช้ทั้งการวิเคราะห์พื้นฐานและทางเทคนิคเพื่อประเมินแนวโน้มที่อาจเกิดขึ้น

นี่คือกลยุทธ์การเทรดบางส่วนที่ใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ผู้เทรดตำแหน่งใช้:

เทรนด์การเทรดโดยใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA)

ตัวบ่งชี้ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 50 วัน (MA) และค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน (MA) เป็นตัวบ่งชี้ทางเทคนิคที่สำคัญสำหรับผู้เทรดตำแหน่ง

เหตุผลนี้เกิดจากการที่เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เหล่านี้แสดงให้เห็นแนวโน้มระยะยาวที่มีนัยสำคัญ

เมื่อ MA 50 วันตัดกับ MA 200 วัน นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงศักยภาพของแนวโน้มระยะยาวใหม่

เมื่อเส้น MA 50 วันตัดผ่านต่ำกว่าเส้น MA 200 วัน จะเรียกว่า “Death Cross”

เมื่อเส้น MA 50 วันตัดผ่านเส้น MA 200 วัน จะเรียกว่า “Golden Cross”

MA ระยะยาวเหล่านี้เป็นตัวบ่งชี้แผนภูมิยอดนิยมสำหรับผู้เทรดตำแหน่ง

การเทรดแนวรับและแนวต้าน (S&R)

ระดับแนวรับและแนวต้านสามารถส่งสัญญาณว่าราคากำลังมุ่งหน้าไปที่ใด ทำให้Position Traderทราบว่าจะเปิดหรือปิดตำแหน่ง

ระดับแนวรับคือระดับราคาที่ตามประวัติแล้วไม่ต่ำกว่า ระดับแนวรับ “ในอดีต” เหล่านี้สามารถคงอยู่ได้นานหลายปี

ระดับแนวต้านคือระดับราคาที่ตามประวัติแล้วมักจะไม่สามารถทะลุได้ ระดับแนวต้าน “ประวัติศาสตร์” เหล่านี้สามารถคงอยู่ได้นานหลายปีเช่นกัน

หากPosition Traderคาดหวังแนวต้านในระยะยาว พวกเขาสามารถปิดตำแหน่งของตนได้ก่อนที่ผลกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจะเริ่มละลายหายไป

พวกเขาอาจเข้าสู่ตำแหน่งยาวที่ระดับแนวรับในอดีตหากพวกเขาคาดว่าแนวโน้มระยะยาวจะถือและขึ้นต่อที่จุดนี้

กลยุทธ์นี้กำหนดเทรดเดอร์ต้องวิเคราะห์รูปแบบแผนภูมิ เมื่อวิเคราะห์แผนภูมิ ผู้เทรดตำแหน่งจะพิจารณาปัจจัยสามประการเมื่อพยายามระบุระดับแนวรับและแนวต้าน

1. ราคาในอดีตเป็นแหล่งที่น่าเชื่อถือที่สุดเมื่อระบุแนวรับและแนวต้าน ในช่วงที่ตลาดขึ้นหรือลงอย่างมีนัยสำคัญ ระดับแนวรับและแนวต้านที่เกิดซ้ำจะมองเห็นได้ง่าย

2. ระดับแนวรับและแนวต้านก่อนหน้าสามารถระบุระดับในอนาคตได้ ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ระดับแนวต้านจะกลายเป็นแนวรับในอนาคตเมื่อพังทลายไปแล้ว

3. Technical indicators เช่นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่และ Fibonacci retracement ให้แนวรับและแนวต้านแบบไดนามิกที่เคลื่อนไหวเมื่อราคาเคลื่อนไหว

การเทรดฝ่าวงล้อม

การเทรดที่ฝ่าวงล้อมสามารถเป็นประโยชน์สำหรับผู้เทรดตำแหน่ง เนื่องจากสามารถส่งสัญญาณการเริ่มต้นของแนวโน้มใหม่

นักเทรดฝ่าวงล้อมที่ใช้เทคนิคนี้กำลังพยายามเปิดสถานะในช่วงเริ่มต้นของแนวโน้ม

การฝ่าวงล้อมเป็นที่ที่ราคาเคลื่อนตัวออกนอกระดับแนวรับหรือแนวต้านที่กำหนดไว้ (ควรยืนยันด้วยปริมาณที่เพิ่มขึ้น)

แนวคิดเบื้องหลังการเทรดคือการเปิดตำแหน่งยาวหลังจากที่ราคาทะลุแนวต้านหรือเปิดตำแหน่งขายเมื่อราคาทะลุแนวรับ

ในการเทรดที่ฝ่าวงล้อมได้สำเร็จ คุณจะต้องมั่นใจในการระบุช่วงเวลาของแนวรับและแนวต้าน

การเทรดแบบย้อนกลับ

การดึงกลับเป็นระยะสั้นหรือการกลับตัวเล็กน้อยในแนวโน้มที่เกิดขึ้น

กลยุทธ์นี้ใช้เมื่อมีช่วงสั้นๆ ของตลาดในแนวโน้มระยะยาว

นักเทรดขากลับตั้งเป้าที่จะใช้ประโยชน์จากการหยุดชั่วคราวเหล่านี้ในตลาด

แนวคิดเบื้องหลังกลยุทธ์การดึงกลับคือ:

-สำหรับการเทรดระยะยาว ซื้อต่ำและขายสูงก่อนที่ตลาดจะย่อตัวลงชั่วครู่ แล้วซื้ออีกครั้งที่จุดต่ำสุดใหม่

-สำหรับการเทรดระยะสั้น การขายสูงและซื้อต่ำก่อนที่ตลาดจะปรับตัวขึ้นชั่วครู่ แล้วจึงขายอีกครั้งที่จุดสูงสุดใหม่

หากดำเนินการสำเร็จ เทรดเดอร์จะไม่เพียงแต่ทำกำไรจากแนวโน้มระยะยาวเท่านั้น แต่ยังหลีกเลี่ยงการสูญเสียตลาดที่อาจเกิดขึ้นได้โดย:

1. ขายสูงและซื้อขาลง (สำหรับการเทรดระยะยาว)

2. ซื้อต่ำและขายฉีก (สำหรับการค้าขายสั้น)

เพื่อช่วยระบุการดึงกลับที่อาจเกิดขึ้น คุณสามารถใช้ตัวบ่งชี้การถอยกลับ เช่น การถอยกลับของ Fibonacci

คุณอาจเป็นPosition Traderหาก:

-คุณเป็นนักคิดอิสระ คุณต้องสามารถเพิกเฉยต่อความคิดเห็นที่เป็นที่นิยมและทำการเดาด้วยความรู้ของคุณเองว่าตลาดจะไปทางไหน

-คุณมีความเข้าใจในปัจจัยพื้นฐานเป็นอย่างดีและมองการณ์ไกลถึงผลกระทบต่อคู่สกุลเงินของคุณในระยะยาว

-คุณมีผิวที่หนาและสามารถทนต่อการหย่อนคล้อยที่คุณเผชิญได้

-คุณมีเงินทุนเพียงพอที่จะทนต่อหลายร้อย pip หากตลาดเป็นไปในทิศทางตรงกันข้ามกับคุณ

-คุณไม่รังเกียจที่จะรอรางวัลใหญ่ของคุณ การเทรด forex ระยะยาวสามารถทำให้คุณสุทธิได้หลายร้อยถึงหลายพัน pip หากคุณรู้สึกตื่นเต้นกับการเพิ่มขึ้น 50 pip และต้องการออกจากการค้าของคุณแล้ว ให้พิจารณาย้ายไปที่ shorter- รูปแบบการเทรดระยะยาว

-คุณอดทนและใจเย็นมาก

คุณอาจไม่ใช่เทรดเดอร์Positionหาก:

-คุณถูกโน้มน้าวโดยความคิดเห็นที่เป็นที่นิยมในตลาดได้อย่างง่ายดาย

-คุณไม่มีความเข้าใจที่ดีว่าปัจจัยพื้นฐานส่งผลต่อตลาดในระยะยาวอย่างไร

-คุณไม่อดทน แม้ว่าคุณจะค่อนข้างอดทน แต่ก็อาจไม่ใช่รูปแบบการค้าขายสำหรับคุณ -คุณต้องเป็นเซียนมาสเตอร์ที่สุดยอดในการมีความอดทนแบบนี้!

-คุณมีทุนเริ่มต้นไม่เพียงพอ

-คุณไม่ชอบเมื่อตลาดต่อต้านคุณ

-คุณชอบเห็นผลเร็ว คุณอาจต้องรอสองสามวัน แต่เวลาหลายเดือนหรือหลายปีอาจนานเกินไปสำหรับคุณที่จะรอ