简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาสกุลเงินยูโรถือเป็นหนึ่งในสกุลเงินที่สามารถทำผลงานขาขึ้นมาได้ดีโดยตลอดเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐฯ ล่าสุดกราฟยูโรเทียบดอลลาร์สามารถทะยานขึ้นจนใกล้จะถึงจุดสูงสุดของกราฟในรอบเกือบ 4 เดือนแล้วแม้ว่าข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่ออกมาจะขึ้นไม่ถึงเป้าหมายที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ก็ตาม
ตัวเลขผลผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนเพิ่มขึ้นเพียง 12.4% เมื่อเทียบกับตัวเลขคาดการณ์ที่ 15% รายงานตัวเลขผลสำรวจทางเศรษฐกิจจากศูนย์วิจัยเศรษฐกิจแห่งสหภาพยุโรป (ZEW) ของเยอรมันลดลงจาก 63.4 เป็น 59.3 ส่วนของยูโรโซนดีขึ้นเล็กน้อยจาก 58.6 เป็น 59.6 ตัวเลขวัดองค์ประกอบทางเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบันแม้จะเพิ่มขึ้นจาก -83.1 เป็น -80.9 แต่ตัวเลขที่นักเศรษฐศาสตร์อยากได้คือสูงกว่า -65 ข้อมูลตัวเลขเหล่านี้สามารถบอกกับนักลงทุนได้ว่าแม้เศรษฐกิจของยูโรโซนเริ่มจะฟื้นตัวแล้วแต่นักลงทุนก็ยังไม่กล้าเดินเกมรุกลงทุนอย่างเต็มกำลัง ตอนนี้สิ่งที่เราคิดว่าจะได้เห็นมากที่สุดคือการฟื้นตัวอย่างช้าๆ ตราบใดที่สหรัฐอเมริกายังมียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากข้อมูลตัวเลขทางเศรษฐกิจที่กล่าวไปทำให้เราได้ทราบว่าภาพรวมทางเศรษฐกิจของยุโรปในตอนนี้ถือว่าดีกว่าในพื้นที่อื่นๆ ของโลกแม้ว่ายังคงมีนักลงทุนบางส่วนกังวลกับโควิดในยุโรปโดยเฉพาะอย่างยิ่งการกลับมาเปิดพรมแดนเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมา อิตาลีที่เคยเป็นจุดแพร่กระจายเชื้อในช่วงไตรมาสที่ 1 สามารถคุมโควิดเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัดแม้เมื่อวานนี้มีรายงานพบผู้ติดเชื้อใหม่ 114 รายซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ เยอรมันมีรายงานพบผู้ติดเชื้อ 159 รายและเพิ่มขึ้นเป็น 412 รายในวันอังคาร สเปนมีรายงานพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นเมื่อวันจันทร์และทำให้รัฐบาลต้องเพิ่มมาตรการคุ้มเข้มขึ้นเป็นระดับ 2 ในพื้นที่ที่มีการตรวจพบ แต่เมื่อเทียบกับยอดผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯ แล้วตัวเลขของยุโรปดูมีความปลอดภัยมากกว่า
สกุลเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนมูลค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆแม้ว่าตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะดีขึ้น เมื่อวานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สามารถปรับตัวสูงขึ้นได้จากข่าวบริษัทผู้กำลังผลิตยาต้านโควิด “Moderna” (NASDAQ:MRNA) ออกมาประกาศว่าภายในสิ้นเดือนนี้การพัฒนาวัคซีนของบริษัทกำลังเข้าสู่เฟส 3 แล้ว ก่อนหน้านี้เมื่อวันจันทร์ก็พึ่งมีข่าวดีจากบริษัท Pfizer (NYSE:PFE) และ BioNTech
ข่าวดีของการพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 สวนทางกับรายงานผลประกอบการของกลุ่มธนาคารสหรัฐฯที่เริ่มรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2020 กันแล้ว Wells Fargo (NYSE:WFC) Citigroup (NYSE:C) และ JPMorgan (NYSE:JPM) มีตัวเลขผลประกอบการออกมาลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตัวเลขผลประกอบการของ Delta (NYSE:DAL) ร่วงลงมากถึง 88% สิ่งที่นักลงทุนจะมองหาในรายงานสรุปสภาวะทางเศรษฐกิจและผลสำรวจภาคการผลิตของเอ็มไพร์ สเตตในวันนี้คือกิจกรรมภาคการผลิตจะต้องส่งสัญญาณบวกอย่างมีนัยสำคัญเพราะถ้าการกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ช่วยให้ภาคการผลิตดีขึ้นก็จะกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ และดอลลาร์จะโดนเทขาย
สกุลเงินปอนด์โดนปรับตัวลดลงเพราะตัวเลข GDP และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมออกมาไม่ดีเท่าที่หลายๆ ฝ่ายมองไว้ในขณะที่ออสเตรเลียดอลลาร์ปรับตัวขึ้นเพราะข้อมูลตัวเลขทางการค้าของจีนออกมาดีแม้ว่าทั้งสองประเทศจะมีความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างกันอยู่ จีนมีความต้องการแร่เหล็กและถ่านหินมากขึ้น มีรายงานระบุว่าจีนนำเข้าแร่เหล็กเพิ่มขึ้น 10% และถ่านหินอีก 13% ในช่วงครึ่งปีแรก สกุลเงินเพื่อนบ้านอย่างนิวซีแลนด์ดอลลาร์อ่อนมูลค่าลงแม้ว่ารายงานตัวเลขที่อยู่อาศัยจะออกมาดี
ไฮไลท์สำคัญของการเทรดในค่ำคืนนี้จะอยู่ที่สกุลเงินแคนาดาดอลลาร์เพราะธนาคารกลางแคนาดา (BoC) จะประกาศผลการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ย นี่คือการประชุมอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกของผู้ว่าการธนาคารกลางคนใหม่นายทิฟฟ์ แมคเลมที่ขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนผู้ว่าการคนก่อนนายสตีเฟ่น โปลอส การประชุมครั้งล่าสุด BoC เคยคาดการณ์เอาไว้ว่าเศรษฐกิจจะหดตัวประมาณ 22% แต่ก็ปรับให้มากขึ้นเป็น 12% ในเวลาต่อมา ความน่าสนใจในการประชุมครั้งนี้จึงอยู่ที่ผู้ว่าการคนปัจจุบันจะมีความเห็นต่อทิศทางเศรษฐกิจตอนนี้เป็นอย่างไร เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายนเขาเคยพูดว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากธนาคารกลางจะยังคงอยู่กับเราไปอีกนานเพราะการฟื้นฟูจะค่อยๆ เกิดขึ้นอย่างช้าๆ ที่ผ่านมาแคนาดาพยายามหลบสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดมาโดยตลอดแต่จนถึงตอนนี้ไม่มีใครรู้ว่าโควิดสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจแคนาดาไปมากน้อยแค่ไหน การประชุมในวันนี้เราจะได้ทราบกันว่า BoC มีแผนที่จะใช้แผนฟื้นฟูทางเศรษฐกิจต่อไปอีกหรือไม่
สถานการณ์โควิดของแคนาดาถือว่าอยู่ในระดับที่ดีแคนาดาสามารถกดกราฟผู้ติดเชื้อให้อยู่ในระดับต่ำได้ซึ่งสามารถบอกได้จากตัวเลขยอดผู้ติดเชื้อตลอดสัปดาห์ที่แล้วมีเพียง 222 รายเท่านั้น ตัวเลขกิจกรรมภาคการผลิตและที่อยู่อาศัยดีขึ้นแต่ปัจจัยที่ยังฉุดรั้งการเติบโตของเศรษฐกิจแคนาดาคือสถานการณ์ในประเทศเพื่อนบ้านอย่างสหรัฐฯ เพราะทั้งสองประเทศมีระบบเศรษฐกิจที่เชื่อมโยงเข้าด้วยกัน ดังนั้นแล้วอย่าคาดหวังว่าคำแถลงการณ์ของทิฟฟ์ แมคเลมในวันนี้จะออกมาเป็นบวกมากจนเกินไปนัก กราฟ USD/CAD อาจมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปยังระดับราคา 1.37 ได้จากความเป็นกังวลของผู้ว่าการคนใหม่ที่มีต่อเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
HFM
FP Markets
EC Markets
Vantage
FxPro
Tickmill
HFM
FP Markets
EC Markets
Vantage
FxPro
Tickmill
HFM
FP Markets
EC Markets
Vantage
FxPro
Tickmill
HFM
FP Markets
EC Markets
Vantage
FxPro
Tickmill