简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:โพลล์เผย“ทรัมป์”มีโอกาสพลิกล็อคชนะเลือกตั้งในรัฐสวิงเสตท บริหารประเทศต่อสมัยที่2 หลังเดินหน้าหาเสียงโค้งสุดท้ายชิงเก้าอี้ประธานาธิบดีประเทศ ขณะนักวิเคราะห์ชี้ โควิด-19ส่งผลกระทบฐานเสียงผู้นำสหรัฐโดยตรง
ผลสำรวจความนิยมทั่วสหรัฐก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีวันที่ 3 พ.ย. นี้ ปรากฏว่า โจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต ยังคงมีคะแนนนำประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกันอยู่ประมาณ 8-9% แต่ตามรัฐต่าง ๆ ที่เป็นสวิงสเตทนั้น ทรัมป์ยังคงสามารถพลิกล็อคมาชนะผลโหวตตามรัฐเหล่านี้ และยังคงรักษาตำแหน่งประธานาธิบดีอีก 4 ปีข่างหน้าได้
ล่าสุด วานนี้ (1พ.ย.)ประธานาธิบดีทรัมป์ และไบเดน เดินหน้าหาเสียงช่วงสุดท้ายในรัฐสวิงสเตท หรือรัฐที่มีคะแนนเสียงใกล้เคียงกันทั้งสองพรรค ทำให้เป็นรัฐสำคัญในการหาเสียงโค้งสุดท้าย ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐวันที่ 3 พ.ย. นี้ โดยทรัมป์ หาเสียงที่รัฐมิชิแกน วิสคอนซิน และมินนิโซตาเมื่อวันศุกร์ (30 ต.ค.) ที่ผ่านมา ด้วยการแถลงนโยบายหลักว่าจะเข้ามาฟื้นฟูเศรษฐกิจและมุ่งพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งล่าสุดจำนวนผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ของสหรัฐมีจำนวนถึง 9 ล้านคน และมีผู้ติดเชื้อมากกว่าแสนคนต่อวัน
นอกจากนี้ ทรัมป์ ยังโจมตีบุคลากรทางการแพทย์ว่า ได้เงินเพิ่มขึ้นเมื่อผู้ป่วยเสียชีวิต ทั้งยังโจมตีไบเดน กรณีที่พรรคเดโมแครตบังคับให้มีการเว้นระยะห่างในจุดหาเสียงของทรัมป์ที่รัฐมินนิโซตา ต่างกับการหาเสียงปกติของทรัมป์
ขณะที่ไบเดนหาเสียงแบบไดรฟ์-อิน หรือขับรถเพื่อเป็นการเว้นระยะห่างของผู้สนับสนุนที่รัฐเท็กซัสและไอโอวา โดยไบเดนกล่าวถึงผลกระทบร้ายแรงของโรคโควิด-19 ที่ทำให้คนต้องตกงาน และสถานพยาบาลที่เต็มไปด้วยผู้ป่วย พร้อมกับกล่าวว่าทรัมป์ยอมแพ้ที่จะแก้ไขปัญหาวิกฤตโควิด-19 แต่พรรคเดโมแครตพร้อมที่จะต่อสู้
ด้านนักวิเคราะห์จากหลายสำนักรายงานว่า สถานการณ์โควิด-19 ในสหรัฐจะส่งผลต่อฐานเสียงของประธานาธิบดีทรัมป์โดยตรง เริ่มจากนักวิเคราะห์จากเว็บไซต์วีโอเอ็กซ์ รายงานว่า ผลสำรวจความเห็นของประชาชนในรัฐที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งสูงขึ้นนั้น เอนเอียงไปทางไบเดนมากกว่า แม้จะเป็นรัฐที่เลือกพรรครีพับลิกันในการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งก่อนหน้านี้ก็ตาม
ผลสำรวจความเห็นต่าง ๆ ในรัฐวิสคอนซิน ซึ่งมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้น 36% ใน 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาพบว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งเชื่อว่าไบเดนจะรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้ดีกว่า โดยคะแนนความนิยมของปธน.ทรัมป์ตามหลังไบเดน 6.8-17%
ส่วนในรัฐมิชิแกน ซึ่งมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 พุ่งขึ้น 73% ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ผลสำรวจต่างให้ไบเดนมีคะแนนนำปธน.ทรัมป์ประมาณ 7-8 จุด โดยรัฐวิสคอนซินและรัฐมิชิแกนต่างเป็น 2 รัฐที่ปธน.ทรัมป์ชิงคะแนนมาได้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐเมื่อปี 2559
ขณะที่เชนจ์ รีเสิร์ช ซึ่งประเมินผลกระทบของโควิด-19 ต่อการเลือกลงคะแนนเสียงบ่งชี้ว่า ประชาชนที่ลงคะแนนเสียงให้ปธน.ทรัมป์ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2559 และอยู่ในรัฐที่มีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สูงกว่า มีแนวโน้มจะลงคะแนนเสียงให้ไบเดนมากกว่าประชาชนในรัฐที่คุมโควิด-19 ได้แล้วถึง 50%
ขณะที่รายงานจากศูนย์ตอบสนองทางการเมือง(ซีอาร์พี)ระบุว่า ค่าใช้จ่ายรวมในการเลือกตั้งสหรัฐ 2563 รวมถึงการเลือกประธานาธิบดีและสมาชิกวุฒิสภา จะสูงถึงเกือบ 1.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่าที่ใช้ในการเลือกตั้ง 2 ครั้งก่อนรวมกัน
ปธน.ทรัมป์มีคะแนนนิยมตามหลังไบเดน ผู้ท้าชิงจากพรรคเดโมแครตในการสำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศเป็นเวลาหลายเดือน ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความไม่พอใจอย่างมากกับการจัดการของทรัมป์กับการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่ลุกลามไปทั่วสหรัฐ แม้ว่าผลสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้บ่งชี้ว่า คะแนนนิยมของทรัมป์ตีตื้นขึ้นในรัฐสำคัญๆ ก็ตาม
ส่องแนวโน้มหลัง 'เลือกตั้งสหรัฐ' นักลงทุนไทยมีทางเลือกอะไรบ้าง?
นับถอยหลังสู่วันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ (3 พ.ย.) ซึ่งกำลังเป็นที่จับตาทั่วโลก โดยเฉพาะแวดวงตลาดทุน แต่ไม่ว่าผู้ชนะจะเป็น “ทรัมป์” หรือ “ไบเดน” ทิศทางเศรษฐกิจเบอร์ 1 โลกหลังจากนี้ ย่อมส่งผลกระทบต่อตลาดโลก รวมถึงไทย ไม่มากก็น้อย
เมื่อเร็วๆ นี้ “แอลจีที” (LGT) ผู้นำในกลุ่มธุรกิจบริการด้านไพรเวทแบงกิ้งและการบริหารสินทรัพย์ระหว่างประเทศ ออกรายงานเกี่ยวกับมุมมองเกี่ยวกับการเลือกตั้งของสหรัฐในปีนี้ และผลกระทบต่อประเทศไทย ระบุว่า ไม่น่าจะมีผลที่ชัดเจนสำหรับการเลือกตั้งสหรัฐในวันที่ 4 หรือ 5 พ.ย. เนื่องจากการรับบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์อาจใช้เวลาหลายสัปดาห์ในการนับคะแนนจนกว่าจะแล้วเสร็จ ซึ่งความไม่ชัดเจนนี้อาจทำให้เกิดความกังวลใจและความผันผวนในตลาด โดยสิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงคือคะแนนของคณะผู้เลือกตั้งมีความสำคัญไม่ใช่คะแนนนิยมจากประชาชน ทำให้ต้องดูผลการเลือกตั้งแบบรัฐต่อรัฐ
จากข้อมูลในอดีตที่ผ่านมา ตลาดมีแนวโน้มที่จะตอบรับในทางลบเมื่อใกล้วันเลือกตั้ง แล้วปรับตัวดีขึ้นหลังจากประกาศผล ซึ่งหมายความว่า อีก 2 หรือ 4 สัปดาห์ก่อนการเลือกตั้งข้างหน้าตลาดอาจมีความผันผวน
แม้จะเป็นเช่นนั้น แอลจีทียังคงเห็นการพัฒนาในทางที่ดีของตลาดโดยทั่วไป เนื่องจากการประกาศผลการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการจะขจัดความไม่แน่นอน และตลาดน่าจะได้รับประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ วัน
แอลจีทีคาดว่า มีแนวโน้มสูงที่การเลือกตั้งจะทำให้เกิดคลื่นสีฟ้า (Blue Wave) ที่พรรคเดโมแครตจะชนะทุกเก้าอี้ของรัฐบาล ครองทั้งทำเนียบขาว เสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
ผลการสำรวจในระดับประเทศ โพลชี้ โจ ไบเดน จะชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี และความได้เปรียบของเขาเหนือ โดนัลด์ ทรัมป์ ได้ขยายวงกว้างขึ้น ตลาดคาดว่าไบเดนจะได้รับชัยชนะ หรือแม้กระทั้งเกิดคลื่นสีฟ้า เนื่องจากโควิด-19 ยังคงเป็นปัญหาสำคัญในรัฐที่พรรคการเมืองได้รับคะแนนสนับสนุนสูสีกัน ทำให้ปัญหาโควิด-19 เป็นปัจจัยในการแข่งขันมากกว่าการให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจตามปกติ
สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลในทางลบต่อ โดนัลด์ ทรัมป์ แต่เขาอาจได้รับประโยชน์จากข้อเท็จจริงที่ว่าเศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีขึ้น ตัวอย่างเช่น ตลาดอสังหาริมทรัพย์ในสหรัฐกำลังเฟื่องฟูจากอัตราการกู้ยืมที่อยู่ในระดับต่ำซึ่งส่งผลให้ราคาพุ่งสูงขึ้น
ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อบ้านที่มีที่อายุ 30 ปี ในสหรัฐต่ำกว่า 3% ซึ่งต่ำที่สุดนับตั้งแต่ก่อนปี 2514 หากต้องการกู้เงินเพื่อซื้อบ้านไม่มีช่วงไหนที่จะถูกกว่าเวลานี้
ค่าเงินดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะยังคงอ่อนค่าต่อไปในปี 2564 หลังจากที่อ่อนลงเรื่อย ๆ ตลอดปีนี้ โดยมี 2 เหตุผลหลักๆ เหตุผลแรกคือ รัฐบาลสหรัฐกำลังขาดดุลอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์นับจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งมีมูลค่าถึง 2.5 ล้านล้านดอลลาร์ ณ เดือน ส.ค. 2563 ซึ่งมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมาตรการกระตุ้นทางเศรษฐกิจที่น่าจะมีขึ้น ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งก็ตาม
อีกเหตุผลคือ สกุลเงินส่วนใหญ่ เช่น เงินบาท ยูโร และฟรังก์สวิส จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากสหรัฐขาดดุลการคลังจำนวนมาก รวมถึงขาดดุลบัญชีเดินสะพัด ตัวอย่างเช่น ขณะนี้เงิน 1 ยูโรมีมูลค่าประมาณ 1.17-1.18 ดอลลาร์ แต่ก็เป็นไปได้ที่จะคาดว่ามูลค่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.25 ดอลลาร์ ภายใน 12 เดือน
สเตฟาน โฮเฟอร์ หัวหน้านักยุทธศาสตร์การลงทุน กล่าวว่า “ในแง่ของการวางตำแหน่งพอร์ตการลงทุนของเรานั้น เรามุ่งเน้นไปที่ภาคเทคโนโลยี บริษัทยาและการแพทย์ และกลุ่มประเทศยุโรป ซึ่งนักลงทุนไทยมีทางเลือกในการลงทุนในด้านเหล่านี้”
สงสัยไหมว่าเราจะตามข่าวหรือบทวิเคราะห์พวกนี้จากไหนบนแอปพลิเคชันWikiFX จะมีอัปเดทบทวิเคราะห์แบบมหาศาลให้อ่านและยังมีแจ้งเตือนโบรกเกอร์เถื่อนในแต่ละสัปดาห์ดูใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex ดูรีวิวโบรกเกอร์ Forexที่เจ๋งที่สุดคือต่อจากนี้จะมีแจ้งเตือนค่าเงินหลักที่จะผันผวนแรงในวัดถัดไปถ้าโหลแอปตอนนี้เราจะได้เปรียบกว่าเทรดเดอร์คนอื่น
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
FxPro
TMGM
FOREX.com
STARTRADER
XM
Pepperstone
FxPro
TMGM
FOREX.com
STARTRADER
XM
Pepperstone
FxPro
TMGM
FOREX.com
STARTRADER
XM
Pepperstone
FxPro
TMGM
FOREX.com
STARTRADER
XM
Pepperstone