简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:ส่องแนวโน้มราคา "ทองคำ" หลังวันเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ 3 พ.ย. ขณะที่ผลโพลแทบทุกสำนักชี้ว่า "โจ ไบเดน" จะชนะ "โดนัลด์ ทรัมป์" ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะส่งผลบวกต่อตลาดทองคำ กรุงเทพธุรกิจชวนอ่านปัจจัยที่จะทำให้นักลงทุนทอง ต้องเชียร์ไบเดนมากกว่าทรัมป์
ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐกำลังจะมาถึงในไม่กี่วันนี้ ขณะที่ความตึงเครียดทางการเมืองในสหรัฐยังอยู่ในระดับสูง บรรยากาศเช่นนี้ทำให้เกิดความผันผวนในตลาดเงิน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ สินค้าโภคภัณฑ์ และตลาดหุ้น เผชิญกับความไม่แน่นอน
ขณะเดียวกัน ผลกระทบของการเลือกตั้งต่อราคาทองคำเป็นประเด็นที่ยังมีการถกเถียงกันอย่างต่อเนื่อง บรรดานักลงทุนต่างทราบกันดีว่า ค่าเงินดอลลาร์เกี่ยวพันกับราคาทองคำ หากดอลลาร์แข็ง จะทำให้ราคาทองปรับลดลง แต่หากดอลลาร์อ่อน ราคาทองก็จะปรับสูงขึ้น
แม้นักวิเคราะห์บางส่วนเชื่อว่า หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง ดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้น และหากโจ ไบเดนชนะเลือกตั้ง ดอลลาร์จะอ่อนค่าลง แต่ไม่มีใครสามารถฟันธงได้ 100% และผลลัพธ์หลังวันที่ 3 พ.ย.นี้ อาจออกมาตรงกันข้ามก็ได้
สำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตลาดทองคำนั้น ดูเหมือนบรรดานักวิเคราะห์จะเห็นตรงกันว่า หากไบเดนชนะเลือกตั้ง จะส่งผลบวกต่อราคาทองคำ ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ที่เนื้อหอมที่สุดในปีนี้ก็ว่าได้
“คลื่นสีน้ำเงิน” หนุนราคาพุ่ง 5%
นักวิเคราะห์ของเจพี มอร์แกน คาดว่า ราคาทองคำจะพุ่งมากถึง 5% หากเกิดกรณี “คลื่นสีน้ำเงิน” (blue wave) ที่พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้ง 2 สภาและไบเดน ซึ่งเป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐ
“กรณีพรรคเดโมแครตกวาดที่นั่งทั้งในสภาสูงและสภาล่าง ราคาทองจะทะยานอีก 2-5% ท่ามกลางแรงกดดันจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนและผลตอบแทนหุ้นลดลง” นาตาชา คาเนวา นักวิเคราะห์ทองของเจพี มอร์แกน ระบุ
ราคาทองคำพุ่งต่อเนื่องในปีนี้ เนื่องจากบรรดานักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย เพื่อหนีความปั่นป่วนในตลาดหุ้น ผลจากการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ทั่วโลก
ตลาดคาดการณ์ว่า หากไบเดนชนะการเลือกตั้ง จะสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อตลาด เพราะนักลงทุนจะตอบสนองเชิงลบต่อนโยบายหาเสียงของไบเดนที่ประกาศว่าจะจัดเก็บภาษีและออกมาตรการต่างๆ เข้มงวดมากขึ้น
นักวิเคราะห์เจพี มอร์แกนมองว่า กรณีนี้จะส่งผลให้ราคาทองพุ่งพรวด เพราะเมื่อตลาดหุ้นเข้าสู่ขาลง นักลงทุนจะหันมาพึ่งสินทรัพย์ปลอดภัยแทน
ผลลัพธ์ออกได้ 3 หน้า
เมื่อคราวที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งในปี 2559 แม้ตลาดหุ้นดีดตัวแรงขานรับ แต่ราคาทองคำร่วงหนักถึง 104 ดอลลาร์ต่อออนซ์ตลอดเดือน พ.ย. ซึ่งเป็นเดือนที่จัดการเลือกตั้งและนับผลคะแนนจนกระทั่งทราบผลการเลือกตั้ง
ด้วยเหตุดังกล่าว หากทรัมป์พ่ายแพ้ในศึกเลือกตั้งครั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐจะพังครืนลงมา แต่จะไปหนุนราคาทองคำพุ่งขึ้นแทน
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์หลังเลือกตั้งอาจจะไม่เกิดขึ้นปุบปับเสียทีเดียว ในปีนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐเผชิญกับปีขาขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลจากมาตรการกระตุ้นครั้งใหญ่ของรัฐบาลและธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดังนั้น หากมีมาตรการกระตุ้นเพิ่มเติมจากวอชิงตัน ตลาดหุ้นก็อาจยังทะยานต่อไปได้อีกระยะหนึ่ง
ส่วนแนวโน้มผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐปีนี้ สามารถออกได้ 3 ทาง
- โจ ไบเดน ผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต -
1. ไบเดนชนะท่วมท้น พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้งในสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา
2. ไบเดนชนะ แต่พรรคเดโมแครตเป็นเสียงข้างน้อยในวุฒิสภาและได้ครองเสียงข้างมากในสภาล่าง
3. ไบเดนแพ้เลือกตั้งประธานาธิบดีให้กับทรัมป์ ซึ่งจะได้บริหารประเทศต่อเป็นสมัยที่ 2
“ทองคำ” สินทรัพย์ที่น่าสนใจ?
ผศ.ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ นักเศรษฐศาสตร์และคอลัมนิสต์ “มุมคิดธนกิจ” ในกรุงเทพธุรกิจ คาดว่า ภาพรวมหลังวันที่ 3 พ.ย.นี้ ตลาดหุ้นของสหรัฐน่าจะอยู่ในสภาพที่ไม่แน่นอนสูง และหากถึงขั้นเกิดการฟ้องร้องเรื่องผลการเลือกตั้งขึ้น ตลาดหุ้นก็คงจะลงค่อนข้างแรง แต่จะเป็นผลบวกต่อราคาทองคำซึ่งจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจกว่าในตอนนี้
ดร.บุญธรรม ให้เหตุผล 2 ข้อที่ทองคำจะกลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ คือ 1. ถึงแม้ว่าไบเดนชนะ คนก็จะต้องมองหาสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยเข้ามามีไว้ในพอร์ต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นักลงทุนสถาบันจะต้องหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยเพื่อป้องกันความไม่แน่นอนจากนโยบายของไบเดนต่อตลาดทุน จึงจะน่าจะมีการช้อนซื้อทองคำกันมากขึ้น
และ 2. แน่นอนว่าทรัมป์เองคงจะไม่ยอมให้ไบเดนชนะง่ายๆ โอกาสฟ้องร้องจึงมีโอกาสสูงมากที่จะเกิดขึ้นถ้าเกิดว่าไบเดนชนะขึ้นมา และการฟ้องร้องย่อมจะทำให้ค่าเงินดอลลาร์ดิ่งลง จากการที่ขาดความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง และราคาทองคำก็น่าจะขึ้นมาเพื่อรองรับความไม่แน่นอนนี้ จึงมองว่า หลังวันที่ 3 พ.ย. มีโอกาสสูงที่ทองคำจะดูน่าสนใจในแง่ของโอกาสของการลงทุน
ดร.บุญธรรม คาดว่า โดยภาพรวมน่าจะฟันธงได้ว่า (ยกเว้นกรณีเดียวเท่านั้นที่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งแบบเด็ดขาดซึ่งดูแล้วมีโอกาสไม่มากนัก) Scenario ที่เหลือ ล้วนส่งสัญญาณว่า “ทองคำ” กำลังจะเป็นสินทรัพย์ที่ดูน่าสนใจอยู่ไม่น้อยในช่วงท้ายของปีนี้
ลุ้นผ่านแนวต้าน 1,934 ดอลล์
บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG) ประเมินว่า หากไบเดนชนะการเลือกตั้ง ตลาดคาดการณ์ว่าจะส่งผลดีต่อราคาทองคำและทำให้ราคาปรับเพิ่มขึ้นได้อีก สวนทางตลาดหุ้นที่คาดว่าจะปรับลดลง และเงินดอลลาร์จะอ่อนค่า
ในทางตรงกันข้าม หากทรัมป์ชนะการเลือกตั้ง จะทำให้ตลาดหุ้นฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เงินดอลลาร์แข็งค่า และกดดันให้ราคาทองคำปรับลดลง
นางสาวฐิภา นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท YLG มองว่า นโยบายบางอย่างของทรัมป์อาจจะเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ เพราะช่วงปีที่ผ่านมา มีนโยบายทำสงครามการค้าที่ส่งผลให้เกิดความไม่แน่นอน ทำให้นักลงทุนหันมาพักเงินในตลาดทองคำได้เช่นกัน
อย่างไรก็ดี นางสาวฐิภา มองว่า ในระยะสั้น หากราคาทองคำยังไม่สามารถผ่านแนวต้าน 1,934 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ยังต้องระวังการอ่อนตัวลงของราคา ส่วนแนวรับแรกมองที่ 1,885-1,881 ดอลลาร์ต่อออนซ์
“หากยืนได้ยังมีโอกาสจะแกว่งตัวขึ้นทดสอบแนวต้าน และหากราคาผ่านแนวต้าน 1,934 ดอลลาร์ต่อออนซ์ไปได้ จะทำให้ภาพรวมมีมุมมองเชิงบวกเพิ่มมากขึ้น”
------------------------------------------
อ้างอิง: Financial News, Value The Markets, Financial Express, INN,
และขอขอบคุณบทความจาก Bangkokbiznews
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ราคาทองคำร่วงลงในเช้าวันพุธ ในเอเชีย โดยพันธบัตรสหรัฐปรับตัวลง จากความเชื่อมั่นด้านความเสี่ยงที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย และหนุนราคาทองคำปรับตัวสูงขึ้น
โควิด-19 สายพันธุ์โอมครอนแล้ว Bitcoin ในปี 2022 เป็นการสร้างรายได้ใหม่และเงินเฟ้อช่วยหนุน ประเด็นเหล่านี้กำลังมีผลต่อทองคำ
สรุป ราคาทองคําวานนี้ปิตทะยานขึ้น 14.09 ตอลลาร์ต่อออนซ์ ระหว่างวันการแข็งค่าของดัชนีดอลลาร์ และการปรับตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ
สรุป ราคาทองคําวานนี้ปิดปรับตัวเพิ่มขึ้น 5.31 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยราคาทองคําวานนี้ได้รับแรงหนุนจากความวิตกเกี่ยวกับความรุนแรงของ COVID-19
OANDA
VT Markets
IC Markets Global
XM
TMGM
HFM
OANDA
VT Markets
IC Markets Global
XM
TMGM
HFM
OANDA
VT Markets
IC Markets Global
XM
TMGM
HFM
OANDA
VT Markets
IC Markets Global
XM
TMGM
HFM