เลือกตั้ง ทองพุ่งแรงดอลลาร์อ่อนยวบ

ราคาทองฟิวเจอร์ ปิดตลาดวันอังคาร(3พ.ย.)ดีดตัวขึ้น 17.90 ดอลลาร์ โดยได้อานิสงส์จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ และการคาดการณ์ที่ว่านายโจ ไบเดน ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐจากพรรคเดโมแครต จะคว้าชัยชนะก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ซึ่งจะทำให้มีการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐครั้งใหญ่

ทั้งนี้ ดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง จะเพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น

นักลงทุนพากันเทขายดอลลาร์ในวันนี้ จากการคาดการณ์ที่ว่านายไบเดนจะคว้าชัยชนะก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ซึ่งจะทำให้มีการผลักดันการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐขนาดใหญ่ รวมทั้งสนับสนุนการค้าเสรีในตลาด โดยจะไม่มีการทำสงครามการค้าเหมือนกับในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

ในวันที่3พ.ย. นอกจากชาวสหรัฐที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปจะออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งประธานาธิบดีแล้ว พวกเขายังจะทำการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งสภาจำนวน 435 คน และเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภาจำนวน 1 ใน 3 ของทั้งหมด หรือจำนวน 33 คน จากทั้งหมด 100 คน โดยการเลือกตั้งประธานาธิบดีจะมีขึ้นทุก 4 ปี และการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะมีขึ้นทุก 2 ปี

หากกระแส “Blue Wave” มาตามคาด ซึ่งจะทำให้นายไบเดนคว้าชัยชนะก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ และทำให้พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรส โดยสามารถกวาดที่นั่งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ก็จะส่งผลให้พรรคเดโมแครตสามารถขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้อย่างราบรื่น หลังจากที่ถูกขัดขวางในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

หากกระแส “Blue Wave” มาตามคาด ซึ่งจะทำให้นายไบเดนคว้าชัยชนะก้าวขึ้นเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ และทำให้พรรคเดโมแครตครองเสียงข้างมากอย่างเบ็ดเสร็จในสภาคองเกรส โดยสามารถกวาดที่นั่งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ก็จะส่งผลให้พรรคเดโมแครตสามารถขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐได้อย่างราบรื่น หลังจากที่ถูกขัดขวางในสมัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

“หากไบเดนชนะขาด และเดโมแครตครองเสียงข้างมากทั้งในวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ก็จะเปิดทางให้สหรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งจะช่วยเยียวยาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19” นายลุคแมน โอทูนูกา นักวิเคราะห์อาวุโสจากเอฟเอ็กซ์ทีเอ็ม กล่าว

“แต่ถ้าหากไบเดนชนะ และรีพับลิกันยังคงครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ก็จะลดโอกาสที่สหรัฐจะสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ และจะไม่ส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจโลกมากนัก” นายโอทูนูกากล่าว

นายโอทูนูกายังกล่าวว่า สำหรับในกรณีที่ปธน.ทรัมป์คว้าชัยชนะ และดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ก็จะส่งผลกระทบต่อแผนการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

ทั้งนี้ พรรคเดโมแครตเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ในขณะที่พรรครีพับลิกันเสนอวงเงินเพียง 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ ในการออกมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19