简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:เปิดบทวิเคราะห์ กรณีม็อบบุกเข้าไปในรัฐสภาอเมริกัน เพราะเหตุใดสหรัฐที่เป็นเสาหลักของระบอบประชาธิปไตยในโลก ถึงกลับมีกลุ่มไม่เห็นด้วยกับผลการเลือกตั้งที่ฝ่ายตนเองแพ้ จนเกิดเหตุความวุ่นวายนี้ได้
ใครที่เห็นข่าวม็อบบุกเข้าไปในรัฐสภาอเมริกัน ทุบกระจกหน้าต่าง ทำลายข้าวของ ขโมยของมีค่าจากห้องผู้นำรัฐสภา รื้อของกระจุยกระจาย ฯลฯ จนมีคนตายไปถึง 5 คน คงสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้นในสหรัฐ โควิดระบาดจนคนติดเชื้อถึง 20.6 ล้านคน และตายไปกว่า 350,000 คนแล้วยังไม่วุ่นวายพอหรือ ผู้เขียนติดตามการเมืองอเมริกันอย่างค่อนข้างใกล้ชิดตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ขออาสาตอบข้อสงสัยว่า “มาถึงตรงนี้ได้อย่างไร” ในรูปแบบของปุจฉา-วิสัชนา ดังต่อไปนี้
รัฐสภาอเมริกันเคยถูกบุกเข้าไปโดยม็อบก่อนหน้านี้หรือไม่ คำตอบสั้นๆ คือไม่เคย ในประวัติศาสตร์ของประเทศ 245 ปี ครั้งสุดท้ายที่รัฐสภาอเมริกันถูกบุกเข้าไปคือในปี 1812 เมื่อทหารอังกฤษบุกกรุงวอชิงตันและเผาอาคารรัฐสภาที่กำลังสร้างอยู่ การบุกเข้าไปในรัฐสภาครั้งนี้จึงเป็นเรื่องที่คนอเมริกันตกตะลึงเพราะนึกไม่ถึงว่าม็อบสนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์จะบ้าคลั่งขนาดนี้
สหรัฐที่เป็นเสาหลักของระบอบประชาธิปไตยในโลกถูกประท้วงเหยียบย่ำหัวใจ เพราะมีกลุ่มไม่เห็นด้วยกับผลการเลือกตั้งที่ฝ่ายตนเองแพ้ การกระทำแบบนี้มีแต่เฉพาะประเทศที่ฝรั่งเรียกว่า Banana Republics เท่านั้น (โยงใยกับประเทศในอเมริกาใต้ ประเทศที่ไม่เป็นโล้เป็นพาย ทุกครั้งที่เปลี่ยนอำนาจ ฝ่ายแพ้ประท้วงและผู้นำฝ่ายแพ้ถูกจับใส่คุก บ่อยครั้งบุกเข้าไปในรัฐสภา) ประเทศเหล่านี้เป็นที่ขบขำยิ้มเยาะของอเมริกันชน เมื่อเจอเข้าอย่างนี้เองจึงหัวเราะไม่ออก
ม็อบคิดอย่างไรถึงทำแบบนี้ เรื่องมันเริ่มที่สหรัฐมีประธานาธิบดีผู้บกพร่องทางจริยธรรม ไม่รู้ประวัติศาสตร์อเมริกาหรือโลกเพราะไม่ชอบการอ่าน หลงตัวเองขนาดหนัก ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในการเมืองถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวทั้งสิ้น โดยเนื้อหาจริงๆ แล้วเขาเป็นนักต้มตุ๋น (con man) ไม่มีหลักการอะไรในชีวิต สิ่งสำคัญที่สุดของเขาคือตัวเขาเองและเงิน ใครจะตายจะเป็นอย่างไรไม่สนใจ
สาวกของทรัมป์เซ่อซ่าขนาดนี้เชียวหรือ ทรัมป์ลงสมัครเลือกตั้งครั้งแรกก็ได้เป็นประธานาธิบดี เป็นนักธุรกิจที่ธุรกิจเคยล้มละลายมาแล้วถึง 6 ครั้ง ที่เขาเก่งคือการพูดโน้มน้าวใจคน สร้างภาพเก่งว่าเป็นนักธุรกิจใหญ่ที่ร่ำรวย (จริงๆ แล้วเชื่อว่ามีหนี้อยู่มหาศาล) ต้องการรับใช้ชาติให้สหรัฐกลับมาเป็นพลังยักษ์ของโลกอีกครั้ง (โรงงานสหรัฐย้ายไปตั้งในจีน เม็กซิโก และประเทศอื่นๆ มากมายเพราะต้นทุนต่ำกว่า ทำให้คนอเมริกันว่างงานมาก)
กลยุทธ์ของทรัมป์ คือปรับตัวเข้าไปเป็นผู้นำคนที่มีการศึกษาน้อย อยู่ในชนบท หวาดหวั่นกับการผงาดขึ้นมาของจีน ไม่พอใจกับการตกต่ำของสหรัฐตามที่ทรัมป์บอก หวั่นเกรงการมีประธานาธิบดีโอบามาซึ่งเป็นคนผิวสี เมื่อกลายเป็นฐานการเมืองของเขา ทรัมป์ก็โกหกสารพัดเรื่องเพื่อ “การต้มตุ๋น” ของเขาได้ผล
คนรวยและคนมีการศึกษาที่เป็นสาวกทรัมป์ก็มีไม่น้อย คนเหล่านี้ไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูดเพราะรู้ว่าพูดไม่จริง แต่ไม่แคร์เพราะเชื่อในตัวทรัมป์ที่จะสร้างประโยชน์ให้แก่พวกเขา (ทรัมป์ลดภาษีมหาศาลให้แก่ธุรกิจขนาดใหญ่และคนมีเงิน) คนเหล่านี้มองเห็นผลประโยชน์ในเวลาสั้น ละเลยการพิจารณาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการได้คนไม่มีคุณลักษณะเหมาะสมมาเป็นประธานาธิบดี
เรื่องม็อบบุกเริ่มจากการแพ้เลือกตั้งของทรัมป์ เมื่อ 3 พ.ย. เขาบอกว่าถูกโกงและยื่นคำฟ้องต่อศาลในหลายรัฐเป็นร้อยคดีเพื่อยับยั้งการนับคะแนน (ที่ตามอยู่) เพื่อไม่ให้ยืนยันคะแนนของทางการ ฯลฯ แต่ไม่สามารถหาหลักฐานประกอบการฟ้องได้ ศาลจึงไม่รับฟังสักคดีเดียว ต่อมาทรัมป์ก็ป่วนการยืนยันคะแนน Electoral College ซึ่งแต่ละรัฐประชุม (คนได้คะแนนมากสุดของแต่ละรัฐได้คะแนน Electoral ไปทั้งหมด ใครได้คะแนนนี้เกินครึ่งหนึ่งคือ 270 ก็เป็นประธานาธิบดี) แต่ก็ไม่สำเร็จอีก ระหว่างทางก็โทรข่มขู่เชิงติดสินบนเจ้าหน้าที่ยืนยันการนับคะแนนของรัฐ ให้ประท้วงว่าได้มีการทุจริตเกิดขึ้นจริงแต่ก็ไม่เป็นผล
จุดสุดท้ายที่จะล้มผลการเลือกตั้งที่เขาแพ้ไปก็คือจุดไฟม็อบให้ลามไปถึงการบุกประท้วงการประชุมของรัฐสภา ซึ่งประชุมครั้งสุดท้ายเพื่อยืนยันผลการเลือกตั้ง คนเชื่อกันว่าทรัมป์อยู่ในโลกของตนเองว่าไม่แพ้ มนุษย์ yes รอบตัวก็บอกว่าสู้ได้ เขาจึงลุยส่งทวิตเตอร์ พร้อมกับพูดกับสาวกในการชุมนุมว่าเขาไม่แพ้ เขาถูกโกง ขอให้แสดงกำลังในวันนั้นให้เต็มที่ สาวกผู้หลงใหลก็แห่กันไปประท้วงและรุนแรงจนเข้าไปในรัฐสภาดังกล่าวแล้ว
แผนของทรัมป์ คือเมื่อวุ่นวายมากได้ที่เขาก็จะประกาศกฎอัยการศึก ไม่ให้มีการสาบานตนในวันที่ 20 ม.ค. รักษาอำนาจไว้ต่อไป จากนั้นก็หาทางล้มการเลือกตั้ง และกลับเข้ามาอีกครั้ง
ทรัมป์ได้อะไรจากการบุกสภาครั้งนี้ไหม? คำตอบคือทรัมป์แพ้อย่างหมดรูปคือ (1) มีการควบคุมม็อบให้ออกไปอย่างได้ผลและรัฐสภาก็ประชุมต่อ ยืนยันว่าไบเดนเป็นผู้ชนะ (2) ทรัมป์ถูกประณามอย่างหนักจากทุกฝ่ายว่าเป็นคนปลุกปั่น (เขาทำอย่างเปิดเผย) ชี้แนะให้เกิดการกบฏ (insurrection) ซึ่งถือว่าทรยศต่อประเทศ มีเสียงให้จับเขา ให้ impeach อีกครั้ง (3) รัฐมนตรีและทีมงานลาออกกันนับสิบเพื่อประท้วงการบุกเข้ารัฐสภาที่มีเจ้านายเป็นหัวหน้าปลุกปั่น (4) โอกาสกลับมาอีกในปี 2024 ลดน้อยลงเป็นอันมากเพราะการกระทำของเขา (5) การยกโทษทางกฎหมายให้พรรคพวก หรือแม้แต่ตนเองในเวลาที่เหลือไม่กี่วันทำได้ยากมากขึ้น (6) การไปช่วยหาเสียงเลือกตั้งวุฒิสภาในรัฐจอเจียทำให้เเพ้ทั้งสองคน จนทั้งสองสภาตกอยู่ในอนาคตของพรรคเดโมแครต
ไม่น่าเชื่อว่าคนอเมริกันจะเลือกคนเช่นนี้ถึง 74.2 ล้านคน ภายใต้ระบอบประชาธิปไตยที่เก่าแก่และเข้มแข็ง คำถามก็คือถ้าปรากฏการณ์เช่นนี้ยังสามารถเกิดกับสหรัฐได้ แล้วประเทศอื่นๆ ที่อ่อนแอกว่ามากในระบอบนี้จะต้องทำอะไรบ้างเพื่อไม่ให้เกิดการซ้ำรอย
โดย วรากรณ์ สามโกเศศ x BangkokBiznews
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
IQ Option
IC Markets Global
ATFX
GO MARKETS
HFM
Tickmill
IQ Option
IC Markets Global
ATFX
GO MARKETS
HFM
Tickmill
IQ Option
IC Markets Global
ATFX
GO MARKETS
HFM
Tickmill
IQ Option
IC Markets Global
ATFX
GO MARKETS
HFM
Tickmill