简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:Investing.com - รอยเตอร์รายงานว่า ตลาดหุ้นในวอลล์สตรีทต่างปิดในแดนลบเมื่อวานนี้ เนื่องจากข้อมูลแสดงใ
Investing.com - รอยเตอร์รายงานว่า ตลาดหุ้นในวอลล์สตรีทต่างปิดในแดนลบเมื่อวานนี้ เนื่องจากข้อมูลแสดงให้เห็นตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและยอดค้าปลีกของสหรัฐอ่อนตัวลงในเดือนพฤษภาคม ทำให้นักลงทุนกระวนกระวายใจและกำลังรอลุ้นผลการประชุมนโยบายล่าสุดของเฟด
การรับรองจากเฟดว่าราคาที่สูงขึ้นเป็นเพียงภาวะชั่วคราวและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่ลดลง ได้ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและสนับสนุนหุ้นสหรัฐในช่วงสองสามสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่ตอนนี้ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่แถลงการณ์ของเฟดหลังสิ้นสุดการประชุมนโยบายในวันนี้
ข้อมูลแสดงให้เห็นว่าราคาผู้ผลิตเร่งตัวขึ้นเมื่อเดือนที่แล้ว ขณะที่ห่วงโซ่อุปทานกำลังดิ้นรนเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากการเปิดเศรษฐกิจใหม่ รายงานยังแสดงให้เห็นว่า ยอดค้าปลีกของสหรัฐลดลงเกินคาดในเดือนพฤษภาคม
“มีปฏิกิริยาเล็กน้อยต่อข้อมูลทางเศรษฐกิจที่เราได้รับ ซึ่งส่วนใหญ่แสดงให้เห็นว่าเริ่มมีการคลายตัวจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ การฟื้นตัวช้าลงเล็กน้อย และอัตราเงินเฟ้อยังคงสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง” เอ็ด โมยา นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ OANDA กล่าว
เราเห็นจุดอ่อนบางอย่างซึ่งอาจจะนำไปสู่การตัดสินใจที่ไม่ลงตัวของเฟด ตอนนี้เฟดอยู่ในฐานะที่จะแสดงได้ว่า พวกเขากำลังหารือเกี่ยวกับการลดสัดส่วนสินทรัพย์ แต่ก็ยังห่างไกลจากความเป็นจริง
ผลสำรวจจากรอยเตอร์ระบุว่า เฟดมีแนวโน้มที่จะประกาศในเดือนสิงหาคมหรือกันยายนถึงกลยุทธ์ในการลดสัดส่วนการซื้อพันธบัตร แต่จะยังไม่เริ่มลดการซื้อจริง ๆ จนกว่าจะถึงต้นปีหน้า
ดัชนี S&P 500, ดาวโจนส์ และแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 13%, 12.1% และ 9.2% ตามลำดับ นับตั้งแต่ต้นปี โดยได้แรงหนุนจากการมองในแง่ดีเกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจครั้งใหม่
อย่างไรก็ตาม ดัชนี S&P 500 ยังคงติดอยู่ในกรอบแคบ ๆ แม้ว่าจะทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นครั้งที่ 29 ของปีนี้ ในวันจันทร์ เทียบกับ 33 ครั้งในปีที่แล้ว
เมื่อวานนี้ ดัชนีดาวโจนส์ร่วงลง 94.42 จุดหรือ 0.27% สู่ระดับ 34,299.33 ดัชนี S&P 500 ลดลง 8.56 จุดหรือ 0.20% สู่ 4,246.59 และดัชนีแนสแด็กลดลง 101.29 จุดหรือ 0.71% สู่ 14,072.86 จุด
7 ใน 11 กลุ่มหลักของ S&P ปรับตัวลดลง เช่น กลุ่มบริการด้านการสื่อสาร ซึ่งปิดที่ระดับต่ำกว่า 0.5% โดยทำสถิติสูงสุดระหว่างวันก่อนหน้านี้
กลุ่มที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดคือ กลุ่มพลังงาน ซึ่งเพิ่มขึ้น 2.1% จากราคาน้ำมันที่พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีจากแนวโน้มอุปสงค์ที่เป็นบวก นำโดย Exxon Mobil Corp (NYSE:XOM) ซึ่งพุ่งขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มี.ค. โดยพุ่งขึ้น 3.6%
ในอุตสาหกรรมอื่น Boeing Co (NYSE:BA) เพิ่มขึ้น 0.6% หลังจากที่สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปตกลงที่จะสงบศึกในความขัดแย้ง 17 ปีของพวกเขาในเรื่องเงินอุดหนุนที่เกี่ยวข้องกับผู้ผลิตเครื่องบินรายนี้และคู่แข่งอย่าง Airbus
หลังจากร่วงลง 19% ในวันจันทร์ หุ้นของ Lordstown Motors ก็ดีดตัวขึ้น 11.3% เมื่อวานนี้ จากการแสดงความเห็นของประธานผู้ผลิตรถบรรทุกไฟฟ้าเกี่ยวกับยอดสั่งซื้อ
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นสหรัฐ อยู่ที่ 9.98 พันล้านหุ้น เทียบกับค่าเฉลี่ย 10.58 พันล้านในช่วง 20 วันทำการล่าสุด
ดัชนี S&P 500 ทำสถิติสูงสุดในรอบ 52 สัปดาห์ถึง 36 ครั้งและระดับต่ำสุด 1 ครั้ง ในขณะที่ดัชนีแนสแด็กทำสถิติสูงสุดได้ 87 ครั้งและแตะระดับต่ำสุดรวม 21 ครั้ง
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
IC Markets Global
EC Markets
FP Markets
HFM
STARTRADER
GO MARKETS
IC Markets Global
EC Markets
FP Markets
HFM
STARTRADER
GO MARKETS
IC Markets Global
EC Markets
FP Markets
HFM
STARTRADER
GO MARKETS
IC Markets Global
EC Markets
FP Markets
HFM
STARTRADER
GO MARKETS