简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:Robert Kiyosaki นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียง อธิบายถึงเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมจีนจึงประกาศห้ามประชาชนใช้ Bitcoin และคริปโตเคอเรนซีอื่น ๆ
Robert Kiyosaki นักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงและผู้เขียนหนังสือขายดีเรื่องความรู้ทางการเงิน “พ่อรวยสอนลูก” ได้ออกมาโพสต์บน Twitter เพื่ออธิบายถึงเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมจีนจึงประกาศห้ามประชาชนใช้ Bitcoin และคริปโตเคอเรนซีอื่น ๆ ทั้งหมดอีกครั้ง การห้ามนี้เกิดขึ้นหลังจากที่จีนเริ่มปราบปรามผู้ ขุด crypto เมื่อต้นปีนี้ การแบน Bitcoin ของจีน นอกเหนือจากการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แล้ว Robert Kiyosaki ยังชอบที่จะป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อด้วยการลงทุนทองคำ, แร่เงิน และ Bitcoin เมื่อปีที่แล้ว
เขาคาดว่าค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะร่วงลงอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังแบ่งปันความคิดของเขาเกี่ยวกับประโยชน์ของ Bitcoin และทองคำกับผู้ติดตาม Twitter ของเขาอีกด้วย ตอนนี้เขาได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเอกสารใหม่ที่เผยแพร่โดยธนาคารกลางจีน (PBOC) เอกสารเหล่านี้ประกาศให้ cryptocurrencies ทั้งหมดมีสถานะผิดกฎหมายที่ถูกออกเมื่อต้นเดือนกันยายน แต่เผยแพร่ต่อสาธารณะในวันศุกร์ที่ผ่านมา การประกาศของ PBOC ผลักดันตลาดคริปโตทั้งหมดกลายเป็นสีแดง
โดยราคา Bitcoin ได้ร่วงไปที่ $41,000 ในขณะที่ Ethereum ร่วงต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ นี่เป็นชนวนระเบิดครั้งใหญ่ครั้งที่สองของตลาดคริปโตในสัปดาห์นี้ โดยอันแรกมาจากประเทศจีนเช่นกัน เมื่อมีข่าวว่าบริษัทพัฒนาที่อยู่อาศัยรายใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศจีน China Evergrande Group อาจไม่สามารถจ่ายหนี้ 2 ล้านล้านหยวนให้กับผู้ถือหุ้นและหลังจากนัันราคาของทัังคริปโตและหุ้นก็ร่วงลงอย่างรุนแรง “จีนประกาศห้าม crypto ครั้งล่าสุดหมายความว่าอะไร?” Kiyosaki คิดว่าการประกาศของรัฐบาลจีนให้ธุรกรรม crypto ผิดกฎหมายในประเทศ นั้นเพื่อเป็นการเคลียร์ทางสำหรับการเปิดตัว CBDC ของตนเองที่เรียกว่า DCEP (การชำระเงินทางอิเล็กทรอนิกส์สกุลเงินดิจิทัล) หรือหยวนดิจิทัลนั่นเอง
ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed Reserve) ได้แสดงความสนใจใน CBDC เมื่อเร็วๆ นี้ และเริ่มศึกษาโอกาสนี้ หากเฟดเปิดตัว USD ดิจิทัล (“เหรียญเฟด”) รัฐบาลอเมริกันจะสามารถควบคุมเงินได้อย่างเบ็ดเสร็จ เหมือนในจีน ก่อนหน้านี้ผู้ใช้ฃานทวิตเตอร์บางรายสันนิษฐานว่าจีนจะใช้ CBDC เพื่อควบคุมบัญชีธนาคารของคนจีนอย่างเข้มงวด และจะมีข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับรายได้และการใช้จ่ายของพวกเขาอีกด้วย
แอปพลิเคชั่น ‘Wikibit’ มีฟีเจอร์โดนๆ สำหรับนักลงทุน อย่าง การตรวจสอบ Exchange และ Token เพื่อช่วยให้การตัดสินใจในการลงทุนของคุณนั้นง่ายขึ้น เพียงแค่คุณกดค้นหาเท่านั้น ข้อมูลที่คุณควรรู้ก็จะปรากฏขึ้นมาแบบครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็น คะแนนความน่าเชื่อถือจากแอป ใบอนุญาต ข้อมูลโครงการ การเยี่ยมชมจากเจ้าหน้าที่เพื่อยืนยันการมีอยู่ของบริษัทนั้นตามที่ได้แจ้งข้อมูลกับทาง ก.ล.ต. เพื่อขอใบอนุญาต ถือว่าครบจบในแอปเดียว อย่ารอช้าโหลดเลย!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ตัวตนของ “ซาโตชิ นากาโมโตะ” ผู้สร้าง Bitcoin ยังคงเป็นปริศนาที่โลกคริปโทไม่เคยไขกระจ่าง แม้เวลาจะผ่านไป Benjamin Wallace นักสืบและอดีตนักเขียน Newsweek ได้อุทิศเวลาถึง 15 ปี เพื่อตามหาผู้สร้าง Bitcoin โดยการวิเคราะห์หลักฐานที่ซาโตชิทิ้งไว้ รวมถึงตรวจสอบสมาชิกกลุ่ม Cypherpunks ที่น่าสงสัย เช่น James A. Donald อย่างไรก็ตาม แม้จะพบเบาะแสที่เชื่อมโยงได้มากมาย Donald กลับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา Wallace ตระหนักในที่สุดว่า Bitcoin ได้เติบโตขึ้นจนอยู่เหนือผู้สร้าง และไม่จำเป็นต้องพึ่งพาบารมีของซาโตชิอีกต่อไป โดยซาโตชิอาจเป็นเพียงสัญลักษณ์แห่งอิสรภาพทางการเงินในศตวรรษที่ 21 มากกว่าจะเป็นตัวตนของใครคนหนึ่ง
คณะทำงานด้านคริปโทเคอร์เรนซีของ SEC สหรัฐฯ จัดการประชุมโต๊ะกลมครั้งแรกเพื่อหารือถึงแนวทางการกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ โดยมีผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและกรรมาธิการ SEC เข้าร่วม การประชุมเกิดขึ้นท่ามกลางความพยายามของรัฐบาลโดนัลด์ ทรัมป์ ที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโทฯ และยกเลิกมาตรการควบคุมเข้มงวดในยุครัฐบาลไบเดน เช่น การฟ้องร้องบริษัทคริปโทฯ รายใหญ่ การหารือครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่การจัดประเภทโทเคนดิจิทัลและการพัฒนากฎเกณฑ์ใหม่ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโทฯ ภายใต้การกำกับดูแลที่เหมาะสม
ความเสี่ยงในการลงทุนในคริปโต
Malone Lam ชาวสิงคโปร์วัย 20 ปี ถูกตั้งข้อหาในสหรัฐฯ ฐานขโมย 4,100 BTC มูลค่า 230 ล้านดอลลาร์ โดยใช้วิธีหลอกลวงเหยื่อผ่าน social engineering และฟอกเงินด้วย crypto mixers หากถูกตัดสินว่าผิด เขาอาจถูกจำคุกสูงสุด 20 ปี โดยมีกำหนดไต่สวนวันที่ 6 ตุลาคม 2025