ย้อนรอย แชร์น้ำมันหอมระเหย ฉ้อโกงวงเงินกว่า 5 พันล้านบาท

จากอดีตสู่ปัจจุบัน ยังมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ตกเป็นเหยื่อขบวนการฉ้อโกงหลากหลายรูปแบบ โดยเฉพาะลักษณะการชวนเข้าร่วมลงทุนในธุรกิจรูปแบบ “แชร์ลูกโซ่” ที่เน้นโฆษณาเชิญชวนให้ผู้คนหันมาสนอกสนใจในผลตอบแทนที่มากโข เพื่อหลอกล่อให้ผู้คนเหล่านี้คล้อยตาม จนกระทั่งนำเงินมาร่วมลงทุนด้วย

ย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ. 2555 เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน และเจ้าหน้าที่ดีเอสไอกว่า 30 คน พร้อมหมายค้นศาลอาญา เข้าตรวจค้นสำนักงานบริษัทดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง หลังได้รับร้องเรียนว่าบริษัทที่เกิดเหตุเปิดทำธุรกิจแชร์ลูกโซ่ตะเกียงน้ำมันหอมระเหย โดยหลอกลวงและฉ้อโกงประชาชน เบื้องต้นมีมูลค่าความเสียหายกว่า 5 พันล้านบาท

เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบบัญชีสต๊อกสินค้าและรายรับรายจ่ายบัญชีการเงินทั้งหมด พบมียอดเงินหมุนเวียนในบัญชีเฉพาะเดือน ก.ย. ประมาณ 139 ล้านบาท ส่วนนี้มียอดเงินโอนเข้าประมาณ 39 ล้านบาท จึงยึดเอกสารทั้งหมดไปขยายผลตรวจสอบ พร้อมควบคุมตัวนายฮวง เชียง เซียง อายุ 43 ปี ชาวไต้หวัน กก.ผจก.บริษัทดิจิตอล คราวน์ โฮลดิ้ง นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามยังได้จับตัว น.ส.เฉิน เป่า หยี อายุ 32 ปี สัญชาติจีน และ น.ส.หว่อง คิน ซี อายุ 36 ปี สัญชาติจีน และชาวไทยอีก 2 คน เพื่อนร่วมแก๊ง ไปสอบสวน

โดยผู้เสียหายแจ้งว่า ถูกชักชวนให้ลงทุนแลกกับเงินตอบแทนที่สูง แต่เมื่อถึงเวลานัด รับผลตอบแทนในวันที่ 20 ของทุกเดือน ปรากฏว่ามีการบ่ายเบี่ยงไม่จ่ายเงินให้สมาชิกตามสัญญา สมาชิกต้องจ่ายเงินคนละ 2 แสนบาท ต่อหนึ่งหน่วยการลงทุน แลกกับเงินตอบแทน 4 หมื่นบาทต่อเดือน

คดีนี้ยังมีผู้ต้องหาที่ออกหมายจับไว้อีก 20 คน เป็นตัวการใหญ่ชาวต่างชาติ 3 ราย อีก 17 ราย เป็นคนไทยที่ทำหน้าที่แม่ข่ายหาสมาชิก และยังพบว่ามีศูนย์ใหญ่อีกที่จังหวัดนครราชสีมา

ในขณะที่ปี 2558 มีผู้เสียหายทยอยแจ้งความอย่างต่อเนื่องกว่า 8,000 ราย ร้องทุกข์กรณี บริษัทดังกล่าว มีนายวาเลอรี่ ริยนฮ์ หรือ กิมฮวง สัญชาติฝรั่งเศส และนายสรวีย์ รวยฟูพันธ์ เป็นกรรมการบริษัท ประกอบกิจการขายตรงน้ำหอม ช่วงปี 2552-2555 มีการชักชวนให้ประชาชนทั่วไปสมัครสมาชิก ลักษณะแชร์ลูกโซ่ คนละ 192,000 บาท จะได้คืนจากการลงทุนครั้งแรกประมาณ 42,000 บาท เป็นการตอบแทน หลังจากนั้นต้องหาสมาชิกใหม่ 5-6 ราย เพื่อเข้าร่วมเครือข่ายให้ตนมีระดับสูงขึ้น รวมทั้งรับเงินตอบแทนจากการหาสมาชิก รายละ 21,000 บาท

พ.ต.ต.สุริยา เผยว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษรับเป็นคดีพิเศษเมื่อปี 2555 สั่งฟ้องผู้ต้องหาไปส่วนหนึ่ง ยังอยู่ในระหว่างพิจารณาของศาล ซึ่ง ป.ป.ง.อายัดเงินในบัญชีกว่า 35 ล้านบาท แต่ทรัพย์สินอื่นๆ ยังไม่สามารถติดตามได้ กระทั่งเดือน มิ.ย.2558 มีการแต่งตั้งคณะพนักงานสอบสวนใหม่เข้าดำเนินการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน จนสามารถติดตามอายัดทรัพย์สิน เป็นที่ดิน บ้าน อาคาร กว่า 400 ล้านบาท และสินค้าน้ำมันหอมระเหย 3 แสนชิ้น ประมาณ 300 ล้านบาท รวมมูลค่ากว่า 700 ล้านบาท จากยอดความเสียหายประมาณ 900 ล้านบาท

ผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ 1 เผยต่อว่า จากการตรวจสอบพบเอกสารหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติม และเบื้องต้นพบว่า ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดอีกประมาณ 10 คน ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียด และยังมีผู้เสียหายทยอยเข้าแจ้งความคดีนี้อย่างต่อเนื่อง

ไม่ทราบได้ว่าคดีนี้จะไปจบสิ้นที่ตรงไหน และจะสามารถจับผู้ที่ร่วมขบวนการฉ้อโกงทั้งหมดได้หรือไม่ คดีแชร์น้ำมันหอมระเหย ถือเป็นกรณีศึกษาราคาแพงที่ทำให้ใครหลายๆคนได้เรียนรู้วิธีกลโกงอย่างหนึ่ง หากไม่อยากตกเป็นเหยื่อขอแนะนำวิธีง่าย ๆ ตรวจสอบการลงทุนที่น่าเชื่อถือเพียง ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน WikiFX เพื่อตรวจสอบการลงทุนที่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบแชร์ลูกโซ่ เพียงแค่ผู้อ่านพิมพ์ชื่อของกองทุน จะมีขึ้นว่าคุณควรลงทุนหรือไม่ควรเสี่ยง！