หุ้นเอเชียร่วง หลังมีการเรียกร้องให้เฟดใช้มาตรการเข้มงวดทางการเงิน

หุ้นเอเชียแปซิฟิกส่วนใหญ่ร่วงลงในเช้าวันพุธ แม้ว่าข้อมูลของสหรัฐฯ จะหนุนตลาดหุ้น Wall Street ก็ตาม การเรียกร้องให้ธนาคารกลางสหรัฐใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นเพื่อควบคุมอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่ำลง

Nikkei 225 ของญี่ปุ่นลดลง 0.43% เมื่อเวลา 21:26 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (2:26 น. GMT) และ KOSPI ของเกาหลีใต้ลดลง 0.78%

ASX 200 ของออสเตรเลียลดลง 0.73%

ดัชนีฮั่งเส็ง ของฮ่องกงลดลง 0.48%

ดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ของจีนขยับขึ้น 0.18% และ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น ขยับขึ้น 0.13% ความหวังที่จะปรับปรุงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับจีน หลังจากที่ประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง และโจ ไบเดน เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเสมือนจริงเมื่อวันจันทร์ ส่งผลให้หุ้นจีนที่จดทะเบียนในสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น

ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันอังคารแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ ดัชนียอดขายปลีกพื้นฐาน (Core Retail Sales) ขยายตัวดีเกินคาด 1.7% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนตุลาคม ขณะที่ ยอดค้าปลีก ก็ขยายตัวดีเกินคาด 1.7%

อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดเซนต์หลุยส์ เจมส์ บี. บูลลาร์ด เผยว่านโยบายการเงินที่เข้มงวดมากขึ้นได้เน้นย้ำถึงความกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงจะส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงินของธนาคารกลางอย่างไร

ขณะนี้นักลงทุนต่างรอความคิดเห็นจาก ริชาร์ด คลาริดา รองประธานเฟด และแมรี่ เดลี ประธานเฟดแบงก์แห่งซานฟรานซิสโก ในการประชุมนโยบายเศรษฐกิจเอเชียในวันศุกร์

นอกจากนี้ ไบเดนยังมีกำหนดจะเลือกผู้ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟดคนต่อไป เนื่องจากครบวาระของประธานคนปัจจุบัน เจโรม พาวเวลล์ ที่จะหมดวาระในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 มีรายงานว่าการตัดสินใจดังกล่าวจะครบกำหนดในราวสี่วัน โดยมีผู้ว่าการเฟด เลล เบรนาร์ด และ พาวเวลล์ เป็นตัวเลือกให้ดำรงตำแหน่งต่อไป

พันธบัตรสหรัฐยังคงมีแนวโน้มลดลง แต่ผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีอยู่เหนือ 1.6% และการประมูลธนบัตร 20 ปีจะมีขึ้นในช่วงบ่ายของวัน

ในขณะเดียวกัน เจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีกระทรวงการคลังสหรัฐฯ เตือนว่ารัฐบาลมีความเสี่ยงที่จะผิดสัญญา เว้นแต่ฝ่ายนิติบัญญัติจะยกเลิกเพดานหนี้ทางกฎหมายภายในวันที่ 15 ธันวาคม และผลตอบแทนของพันธบัตรที่จะครบกำหนดในสิ้นปี 2564 เพิ่มขึ้น

แม้ว่าผลกำไรของบริษัทจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มสูงขึ้น แต่คำถามก็ยังคงมีอยู่ว่าการเพิ่มขึ้นนี้จะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวหรือยาวนานกว่านั้น ซึ่งส่งผลให้ธนาคารกลางต้องตอบสนองด้วยนโยบายการเงินที่เข้มงวดยิ่งขึ้น

ฉี เชา กรรมการผู้จัดการ UBS Global Wealth Management ให้สัมภาษณ์กับ Bloomberg ว่า “ในช่วงปลายปี 2021 เรารู้สึกว่าตลาดตราสารทุนจะยังคงแข็งแกร่งอยู่” อย่างไรก็ตาม “เราคาดว่าจะมีความผันผวนมากขึ้นพร้อมกับอัตราที่สูงขึ้น” และความกังวลเรื่องเงินเฟ้อและ COVID-19 ยังคงสร้างความกังวลต่อไป เธอกล่าวเสริม