สิ่งที่ควรระวังเมื่อข้อพิพาทระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังคงดำเนินต่อไป

Investing.com - รายชื่อบริษัทจีนที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการเพิกถอนหลักทรัพย์ในนิวยอร์กจากข้อพิพาทอันยาวนานเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชีของจีนยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเพิ่มอีกสามบริษัทเข้าไปเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา หลังจากการรวมบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง Alibaba (NYSE:BABA) ในเดือนกรกฎาคม

การเจรจาระหว่างปักกิ่งและวอชิงตันเพื่อหาข้อยุติยังคงมีท่าทีว่าจะยังไม่จบง่าย ๆ หน่วยงานกำกับดูแลและนักการเมืองของสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้มีการลงมติถึงทางออก โดยย้ำถึงข้อความถึงจีนว่าเวลาของทั้งสองฝ่ายใกล้จะหมดลงแล้วในการทำข้อตกลง ตามการรายงานของรอยเตอร์ส

และนี่คือสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับการเจรจาข้อตกลง และสิ่งที่ควรระวังในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ข้อพิพาทนี้เกี่ยวกับอะไร

หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ได้เรียกร้องให้มีการเข้าถึงเอกสารการตรวจสอบของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในนิวยอร์กโดยสมบูรณ์ ซึ่งเป็นเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบงบการเงิน แต่ทางการจีนได้ลังเลที่จะให้หน่วยงานกำกับดูแลในต่างประเทศตรวจสอบสำนักงานบัญชีในประเทศ โดยอ้างข้อกังวลด้านความปลอดภัย

ข้อพิพาทเกิดขึ้นในเดือนธันวาคมเมื่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ได้ออกกฎห้ามซื้อขายหุ้นของบริษัทจีน

Goldman Sachs (NYSE:GS) ประมาณการเมื่อเดือนมีนาคมว่านักลงทุนสถาบันในสหรัฐฯ ถือครอง American Depositary Receipts (ADR) ประมาณ 2 แสนล้านดอลลาร์ในบริษัทจีน

เกิดอะไรขึ้นจนถึงตอนนี้

หน่วยงานกำกับดูแลจากสหรัฐอเมริกาและจีนกำลังเจรจาข้อตกลงตั้งแต่ปีที่แล้ว แม้ว่าในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาปักกิ่งได้กล่าวว่าทั้งสองฝ่ายมุ่งมั่นที่จะบรรลุข้อตกลง แต่วอชิงตันก็ระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มดังกล่าว

เมื่อวันที่ 7 ส.ค. SEC ระบุว่ามีบริษัทจีน 162 แห่งที่จดทะเบียนในนิวยอร์กที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงในการถูกเพิกถอน บริษัทจะถูกห้ามการซื้อขายหากไม่ปฏิบัติตามคำขอเอกสารเพื่อตรวจสอบเป็นเวลาสามปีติดต่อกัน เริ่มตั้งแต่ฤดูใบไม้ผลิปี 2024

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วประธานหน่วยงานตรวจสอบการตรวจสอบองค์กรของสหรัฐฯ กล่าวว่าจะไม่ยอมรับข้อจำกัดใด ๆ ในการเข้าถึงเอกสารการตรวจสอบของบริษัทจีนที่จดทะเบียนในนิวยอร์ก

การเจรจาเป็นอย่างไรบ้าง

ในเดือนมีนาคม Liu He รองนายกรัฐมนตรีจีนกล่าวว่าการเจรจาระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลของจีนและสหรัฐฯ มีความคืบหน้า และทั้งสองฝ่ายกำลังดำเนินการตามแผนความร่วมมือเฉพาะ ส่วนรองประธานฝ่ายเฝ้าระวังหลักทรัพย์ของจีนในเดือนเมษายนกล่าวว่าเขาคาดว่าจะมีข้อตกลง “เร็ว ๆ นี้”

แต่สำหรับฝั่งสหรัฐฯ Gary Gensler ประธาน SEC กล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่าเขาจะไม่ส่งผู้ตรวจสอบบัญชีสาธารณะไปยังจีนหรือฮ่องกง เว้นแต่วอชิงตันและปักกิ่งจะสามารถตกลงกันได้ว่าวอชิงตันมีสิทธิ์เข้าถึงเอกสารงบการเงินได้อย่างสมบูรณ์

วุฒิสภาสหรัฐฯ ผ่านร่างพระราชบัญญัติที่มุ่งเป้าไปที่การเพิ่มขีดความสามารถของประเทศในการแข่งขันกับจีนเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นักวิเคราะห์และนักลงทุนบางคนตีความกฎหมายดังกล่าวว่า ควรให้เวลาทั้งสองฝ่ายอีกหนึ่งปีในการแก้ไขปัญหานี้ โดยข้อสรุปของร่างพระราชบัญญัติได้เร่งให้เกิดข้อสรุปสำหรับจีนที่จะต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดด้านการตรวจสอบภายในต้นปี 2023 แทนปี 2024

จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

SEC กล่าวก่อนหน้านี้ว่าหน่วยงานกำกับดูแลบัญชีของสหรัฐฯ จะต้องดำเนินการตรวจสอบและสอบสวนในสถานที่จริงในประเทศจีนภายในต้นเดือนพฤศจิกายน ฝ่ายองค์กรตรวจสอบของภาครัฐ จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเพื่อหาข้อสรุปว่าสามารถตรวจสอบหรือสอบสวนสำนักงานบัญชีที่มีสำนักงานใหญ่ในจีนแผ่นดินใหญ่และในฮ่องกงที่จดทะเบียนกับหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ ได้หรือไม่

ยังคงคลุมเคลือว่าสำนักงาน SEC จะทำอะไรหลังจากได้รับการประเมินประจำปีขององค์กรตรวจสอบของภาครัฐสำหรับปี 2022 ซึ่งหลังจากการประเมินประจำปี 2021 SEC ก็ได้เริ่มการตรวจสอบบริษัทสาธารณะที่เข้าข่ายความเสี่ยงในการระงับการซื้อขาย

ในขณะเดียวกัน ยังมีโอกาสที่รัฐสภาคองเกรสแห่งสหรัฐอเมริกาอาจเลือกกลไกทางกฎหมายอื่นเพื่อเลื่อนเส้นตายให้จีนปฏิบัติตามการเข้าถึงเอกสารการตรวจสอบจนถึงฤดูใบไม้ผลิปี 2023