简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:บทวิเคราะห์ราคาทองคำ ภาคเช้า - 06 ธันวาคม 2565
สรุป ราคาทองคําวานนี้ปิดปรับตัวลดลงถึง 29.75 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แม้ในช่วงเช้าของตลาดเอเชีย ราคาทองคําจะทะยานขึ้นทดสอบระดับสูงสุดในรอบ 5 เดือน หรือระดับสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 5 ก.ค. บริเวณ 1,809.91 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการอ่อนค่าของดัชนีดอลลาร์ หลังวานนี้เงินหยวนในประเทศพุ่งขึ้นราว 1.4% แตะระดับสูงถึง 6.9507 ซึ่งเป็นระดับแข็งค่ามาก ที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.ย. ขานรับการที่จีนผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19
อย่างไรก็ดี ราคาทองคําปรับตัวลงในเวลาต่อมา ส่วนหนึ่งได้รับแรงกดดันจากแรงขายทํากําไรหลังจากราคา ทองเข้าสู่สภาวะซื้อมากเกินไป (Overbought) ประกอบกับดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้นขานรับการเปิดเผยดัชนีภาคบริการของสหรัฐจาก ISM ที่ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.5 ในเดือนพ.ย. จาก 54.4 ในเดือน ต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ําสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2020 อีกทั้งยังสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 53.1 ส่วนคําสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐเพิ่มขึ้น 1% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายเดือน หลังจากที่ เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนก.ย. และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 0.7% ตัวเลขดังกล่าวสะท้อนการฟื้นตัวของภาคบริการและภาคการผลิตซึ่งจะสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปในปี 2023
สถานการณ์ดังกล่าว หนุนให้ดัชนีดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.72% ส่วนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐเพิ่มขึ้น 9.6 bps สู่ระดับ 3.599% ซึ่งเป็นปรับตัวขึ้นใน 1 รายวันที่มากที่สุดในรอบ 2 สัปดาห์จนกดดันให้ราคาทองคําดิ่งลงแรงสู่ระดับต่ําสุดบริเวณ 1,765.30 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคําลดลง -2.03 ตัน สําหรับวันนี้ติดตาม การเปิดเผยดุลการค้าของสหรัฐ
หากราคาทองคำพยายามเคลื่อนไหวเหนือแนวรับโซนโซน 1,763 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ได้แสดงถึงแรงเข้าซื้อในระยะสั้น หากยืนได้แข็งแกร่งทำให้ประเมินว่าในระยะสั้น ยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปทดสอบ แนวต้านถัดไป 1,786-1,792 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากการฟื้นตัวขึ้นเป็นไปอย่างจ ากัด ราคาอาจอ่อนตัวลง อีกครั้ง ประเมินกรอบแนวรับจะอยู่ในบริเวณ 1,763-1,747 ดอลลาร์ต่อออนซ์
คําแนะนํา เปิดสถานขาย$1,786-1,792
จุดทํากําไร ซื้อคืนเพื่อทํากําไร $1,763-1,747
ตัดขาดทุน ตัดขาดทุนสถานะขายหากผ่าน $1,809
ที่มา : TH.Investing
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
ก่อนวิกฤตต้มยำกุ้ง ไทยใช้ระบบอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ แต่หลังถูกโจมตีค่าเงิน ธปท. ประกาศลอยตัวค่าเงินบาทเมื่อ 2 ก.ค. 1997 ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าหนัก ปัจจุบันดัชนีค่าเงินบาท (NEER) แข็งค่าสูงสุดนับตั้งแต่ก่อนวิกฤต เนื่องจากการท่องเที่ยวฟื้นตัว ราคาทองคำสูงขึ้น และเงินทุนไหลเข้า อย่างไรก็ตาม เงินบาทแข็งกระทบความสามารถแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย เสี่ยงเข้าสู่ภาวะ "Dutch Disease" ที่ภาคบริการบูม แต่ภาคอุตสาหกรรมเสียเปรียบ
บทวิเคราะห์ทองคำ
SkyLine Spotlight: XM เป็นผู้นำแห่งอนาคตด้วยความเป็นเลิศ
5 อันดับโบรกเกอร์ยอดนิยมประจำเดือน