简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:วันนี้แอดเหยี่ยวไปเจอบทความดีดีจากเทรดเดอร์มืออาชีพที่ชื่อว่า “Real_inwCoin” ใน TradingView เป็นข้อคิดที่ดีและมีประโยชน์ แอดเหยี่ยวเลยอยากนำมาแชร์ให้เพื่อน ๆ เทรดเดอร์มือใหม่ หรือคนที่กำลังสนใจจะลงทุนได้อ่านกัน
ข้อคิดและสิ่งที่คุณ Real_inwCoin เจอมาจากการเทรด จะมีอะไรบ้างมาเริ่มอ่านกันเลยเพื่อจะได้ไม่ทำพลาดอีกในอนาคต...ไอเดีย หลัก ๆ
1) รอดให้ได้ก่อน แล้วค่อยหากำไร
2) มองความเสี่ยงไว้ก่อนเสมอ ว่าถ้าผิดทางเรายอมเสียเท่าไหร่
3) พอร์ตใหญ่ควรเสี่ยงให้น้อยที่สุด ถ้าอยากเสี่ยงมากให้เอากำไรจากพอร์ตใหญ่ไปเทรดแบบพนัน
4) การได้กำไรติดๆ กัน ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ไม่ได้เป็นหลักประกันว่าเราจะรอดได้ในระยะยาว
5) อย่าเพิ่งหวังกำไร หลายๆ เท่า 10x - 100x ให้ตั้งเป้ากำไรที่เป็นไปได้ เช่น ปีละ 15-20% เพราะถ้าเราทำได้เราก็เก่งกว่ากองทุนระดับโลกแล้ว -- ให้คิดเสมอว่า เราแม่งเป็นใครวะ จะมาทำกำไรแซงหน้ากองทุนระดับโลกได้เนี่ย
6) ระวังกับดักของความสำเร็จ เพราะถ้าคุณประมาท ตลาดจะทวงคืนกำไรที่ได้มาคืนไปหมดทุกบาททุกสตางค์
7) อย่า Overtrade ให้เทรดด้วยความเสี่ยงที่คุมได้เสมอ -- ถ้าจะ overtrade ต้องแยกเศษกำไร จากพอร์ตเสี่ยงน้อยมา overtrade เท่านั้น -- ถ้ายังไม่มีกำไร ก็อย่าเสี้ยน overtrade เด็ดขาด
Risk Management
* คิดถึงความเสี่ยงก่อนเสมอ ทุกๆ ครั้งที่จะเข้าเทรด ไม่ว่าจะ long หรือ short
* ก่อนเข้า เราต้องตอบคำถามเหล่านี้ได้ว่า
- เข้าทำไม เพราะอะไร
- จุด stop จุด take profit อยู่ตรงไหน
- ถ้าตลาดไปผิดทาง เรามีกลยุทธอย่างไร (เช่น คัทลอส หรือ ถัวไม้แก้เพิ่มเติม แต่ถ้าผิดจนถึงจุดไหนเราจะยอมมอบตัวโดยไม่มีเงื่อนไข)
- และถ้าเรายอมมอบตัว เราจะเสียตังเป็นกี่เปอร์เซ็นต์ของพอร์ต
Market Cycle
* มองภาพใหญ่ให้ออก ว่าตอนนี้เราน่าจะอยู่ช่วงไหนของวัฏจักรตลาด
* ปรับเปลี่ยนกลยุทธ ให้เหมาะสมกับแต่ละช่วงของวัฏจักรตลาด
* คนส่วนใหญ่ อยากจะซื้อเมื่อราคาขึ้นไปสูงๆ เสมอ (Greed)
และ คนส่วนใหญ่ ก็อยากจะขายเมื่อราคาร่วงลงมาหนักๆ เสมอ (Fear)
* ถ้าเทรนใหญ่เป็นขาลง ก็อย่าช้อนซื้อ หรือเปิด long ให้ ดีดแล้ว short
* ถ้าเทรนใหญ่เป็นขาขึ้น ก็อย่ารีบขาย หรือรีบ short สวน ให้ย่อแล้ว long / ซื้อ เพื่อลดความเสี่ยง
Mindset
* มองว่าการเทรดคือการวิ่งมาราธอน ไม่ใช่การวิ่งสั้น อย่างน้อยถ้าจะวัดผลต้องรอดให้ได้อย่างน้อย 1-2 ปี
* อย่าดูถูกตลาด คิดว่าเราเรียนมาแล้วแพง ๆ จากอาจารย์เทพ ๆ ที่โชว์กำไรเยอะ ๆ จะหาตังได้ง่าย ๆ
* ห้ามมั่นใจทางใดทางหนึ่งจนเกินไป ตลาดพร้อมจะไปไหนก็ได้
* เวลาที่เราเทรดแล้วได้กำไรเยอะ ๆ ให้เราคิดเสมอว่า ตลาดมีแนวโน้มไปอีกทางได้เสมอ อย่ามั่นใจและไปเพิ่มหน้าตักเด็ดขาด
* ตลาดถูกเสมอ อย่าไปเถียงตลาด จงทำตัวเหมือนน้ำ และพร้อมจะปรับมุมมองได้เสมอ ถ้าสภาวะตลาดมีการเปลี่ยนแปลง (หลัก ๆ ก็คือต้องมีแผนรับมือ ทั้งมุมมองขึ้นและมุมมองลง อยู่ในหัวตลอดเวลา และถ้ามุมมองไหน ถูก invalidated ไป ก็ต้องเอาอีกมุมมองมาใช้ ตามระบบทันที)
* เห็นกราฟวิ่ง เราต้องนั่งทับมือ ทนรอสัญญาณเข้าให้ได้ ถ้ายังไม่มี ก็นั่งดูไปเฉย ๆ อย่าไปคันมือ เข้าคร่อมจังหวะ เพราะจะได้จุดเข้าที่ค่อนข้างเสียเปรียบ
* อย่ามั่นใจในตัวเอง ถ้าเริ่มมีความคิดว่า ข้านี้แน่ ข้านี้เจ๋ง ตลาดต้องไปตามที่ฉันคิด ให้รีบทบทวนตัวเองโดยด่วน! เพราะท่านกำลังโดนอีโก้เข้าครอบงำ....ท่านเป็นแค่ขี้ฝุ่นในตลาด เงินของท่านไม่สามารถทำให้ตลาดไปตามอย่างที่ท่านคิดได้เลย ... จำไว้เลยว่า อีโก้ = หนทางสู่หายนะ
Long Entry
* ควรเข้า Long / ซื้อ ในตอนตลาดเป็น “ขาขึ้น” เท่านั้น
* ถ้ากราฟขึ้นไปชัน สูง แล้ว ก็ถือว่า ตกรถ ให้นั่งดูเฉย ๆ อย่าพยายามไป FOMO เข้าตาม โดยเฉพาะยิ่งถ้าเห็นตอน RSI ระดับ TF ใหญ่ ๆ Peak + Overbought ไปแล้ว
* ถ้าอยากเข้าจริงก็ให้นั่งรอจังหวะย่อลงมา หรือกราฟเริ่ม sideway แล้วค่อยเข้าซื้อ ลองหาจุดอ้างอิงที่จะใช้มองว่าย่อได้ที่หรือยัง เช่น EMA 18 daily หรือย่อเข้ามาในกรอบ action zone เป็นต้น
* ถ้าเข้าแล้ว เทรนมาจริง อย่ารีบขาย ให้ถือไปจนสุดเทรน
* ถามว่าจะรู้ได้ไงว่าสุดเทรน .. ก็ไม่มีใครรู้ แต่อาจจะใช้วิธีการ Trailing Stop ไล่ lock profit ตามราคาไปเรื่อย ๆ .. ซึ่งตรงนี้จะเป็นเรื่อง advance ต้องไปศึกษาเพิ่มเติมและลองทำดูเอง
* ควรเก็บไม้ฐาน ที่เข้าที่ราคาต่ำมาก ๆ เอาไว้ให้นานที่สุด อย่าปล่อยออกจนหมด
* ถ้าจะเข้าเพิ่มตอนจังหวะย่อ ไม้ใหม่ ควรมีขนาดเล็กกว่าไม้ฐาน ที่เราเข้าตอนแรก เพื่อไม่ให้มันดึงราคาเฉลี่ยขึ้นมา
Short Entry
* การเล่นฝั่ง short ให้จำกฏข้อแรกไว้เสมอว่า .. การ short จะขาดทุน “ไม่จำกัด” แต่จะได้กำไร “จำกัด ไม่เกิน 100%”
* เพราะราคา สามารถขึ้นไปได้แบบไม่มี limit ส่วนเวลาลง มันลงได้เต็มที่ก็ไม่มีทางเกิน 100% (ถ้างง ไปลองกดเครื่องคิดเลขดู จะเข้าใจ)
* กฏข้อสอง คือ ให้รอจนเกิดเทรนขาลงก่อน แล้วค่อย หาจังหวะ short เมื่อราคาดีด แล้วไม่พ้นแนวต้านเก่า หรือ เด้งเข้ามาใน Action Zone
* ไม่ควร short สวนเทรน ตอนที่เทรนเป็นขาขึ้น เด็ดขาด .. ถ้าไม่เข้าใจว่าทำไม ไปอ่านกฏข้อแรก
* การ short ไม่สามารถ รันเทรน ได้ .. ให้ใช้วิธีเก็บกำไร เมื่อถึงเป้าเท่านั้น .. โดยเป้า หาได้จากการใช้ fibo มาช่วย
* การ short ไม่ควรโลภ ถ้าถึงเป้า ก็เก็บกำไรแล้วนั่งเฉย ๆ รอมันดีดค่อยหาจังหวะเข้าใหม่ .. อย่าไปคันมือรีบเข้าตรงแนวรับเด็ดขาด!
* ที่สำคัญ อย่า overtrade เด็ดขาด เพราะถึงแม้ตลาดจะเป็นขาลง แต่บางทีเราก็อาจจะเจอการเหวี่ยงของราคาอย่างรุนแรงได้ เพราะไม่มีอะไรแน่นอน
* ถ้าจะเข้า short ต้องมี จุดเข้า, จุดที่ Stop, จุดที่จะ Take Profit และ Risk ที่ยอมเสียเสมอ
* Short ได้กำไรแค่ไหนก็แค่นั้น อย่าโลภ อย่าไป short ไล่ราคา ตามแนวรับ ออกมาแล้วก็นั่งเฉย ๆ ให้เป็น
* ยิ่งราคาย่อลงมาใกล้แนวรับ fibo สำคัญ ๆ ในโครงสร้างใหญ่ มากขึ้นเท่าไหร่ การ short ก็จะเพิ่มความเสี่ยงมากขึ้นเท่านั้น
* ถ้าเข้าใจเรื่อง short บางทีเราสามารถ hedge BTC ที่เราถืออยู่ ด้วยการแบ่งเงินบางส่วนมา short ได้ จะได้ไม่ต้องขาย BTC ออกมาเป็นเงิน fiat หมด ( บางส่วนก็เก็บไว้ใน HW wallet จะได้ไม่ต้องเอาเงินของเราทั้งหมดไปไว้ใน exchange )
* รวมถึง เราสามารถใช้การ short เพื่อ lock profit BTC ของเรา โดยไม่ต้องขาย BTC ออกมาเป็นเงิน fiat ก็ได้เช่นกัน ( ถือ synthesis usd )
การ Stop Loss
* การ stop loss เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเทรด และ risk management เพราะถ้าตลาดไปผิดทาง เราก็ต้องยอม take loss ที่เราได้ออกแบบเอาไว้แล้ว โดยห้ามลังเล
* สำหรับบางคน อาจจะใช้วิธีออกไม้แก้ โดยไม่ stop เลยในทันที แต่ก็ต้องระวังว่า การออกไม้แก้นั้น จะต้องไม่ทำให้ Risk ของเรา สูงจนเกินไป หรือเกิน loss ที่เราได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรก
* ไอ้ loss เนี่ย มันน่ากลัวอย่าง คือ ถ้าเราไม่ยอมคัทไว้ ตามแผนแรก แล้วเราไปปล่อยให้มันไหลไปต่อ และบอกกับตัวเองว่า ปล่อยไปอีกนิดล่ะกัน เดี๋ยวมันก็คงเด้งกลับ เพราะกลัวว่า จะ “คัทแล้วเด้ง”
* แต่บางที มันก็มีโอกาสเหมือนกันที่จะ “ไม่คัท และไม่เด้ง” อยู่ด้วยน่ะสิ..
* และพอคุณปล่อย loss ไหลไปเรื่อยๆ จากเดิม ที่อาจจะเสียแค่ 2-3% พอไหลไปเรื่อยๆ รู้ตัวอีกทีก็เป็น -10% รู้ตัวอีกทีก็เป็น -20% ไปเรื่อยๆ ..
* จนสุดท้าย บางทีมันก็เกินเยียวยา ทีนี้ จะคัท ก็ไม่กล้าแล้ว เพราะทำใจไม่ได้
* จะไปอยากจะคัท อีกทีก็ตอนที่มันลงไปถึง -70% ถึง -80% โน่นแหละ ดีไม่ดีก็ล้างพอร์ต หมดตัว กันไปเลย
* จึงเป็นที่มาของคำแซวเม่าว่า * จึงเป็นที่มาของคำแซวเม่าว่า “ตอนขาดทุน ทนถือได้นานๆ ไม่ยอมคัท แต่พอได้กำไร นิดเดียวล่ะ ไม่ทน รีบออก”
* พอร์ตจะโตได้ ต้อง * พอร์ตจะโตได้ ต้อง “ยอม take loss เล็กๆ และปล่อยให้ profit run” นะครับ
กลยุทธ์การเทรด
* คนบางคน จะชอบเอาตัวเลขกำไรเยอะๆ มาอวด เพื่อล่อเม่าให้เข้ามาคุยด้วย จะด้วยผลประโยชน์แอบแฝงอะไรก็ตามแต่
* ถ้าเจอเคสอวดกำไร ให้ถามกลับไปว่า เทรดแบบนี้ หรือใช้ กลยุทธการเทรดแบบนี้ มานานแค่ไหนแล้ว
* เพราะส่วนใหญ่ ที่เจอมาคือ การได้กำไรเยอะๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ก็มักจะลงเอยด้วยการล้างพอร์ต หรือคืนกำไร+ทุนแทบจะทุกครั้ง ..
* เพราะสิ่งที่เขาใช้คือการ overtrade ขั้นรุนแรง เช่น ใช้ leverage สูงๆ หรือมีหน้าตักที่มีขนาดใหญ่มาก
* เพราะคนส่วนใหญ่ จะมองแต่ “ตัวเลขกำไร” ว่าได้มากี่ usd ไม่ได้มอง “เปอร์เซ็นกำไร” ว่าได้มากี่ % ของพอร์ต
* สิ่งสำคัญ ในการเทรด ไม่ได้เป็นการที่เราจะได้กำไรเยอะๆ ในช่วงเวลาสั้นๆ ( แต่สุดท้ายก็โดนล้าง )
* แต่เป็นการทำยังไงก็ได้ ให้พอร์ตเราค่อยๆ โต โดยมีความเสี่ยงที่เราควบคุมได้มากที่สุด และเงินต้นของเรา หายไปน้อยที่สุด
* เพราะ ความเสี่ยง เป็นสิ่งเดียว ที่เราควบคุมได้ ในตลาดที่มีแต่ความไม่แน่นอนนี้ ( ถ้าเสีย จะยอมเสีย กี่ % ของพอร์ต )
* กลยุทธ ที่ดี ควรจะทำให้พอร์ตอยู่รอดได้ครบรอบ cycle ของตลาด ( accumulation -> mark up -> distribution -> mark down ) และไม่เกิด drawdown ที่หนักจนเกินไป
* ที่สำคัญ ทุกกลยุทธ ที่จะนำมาใช้ ควรมีผล Backtest และ Forward Test มาประกอบด้วย ว่าได้กำไรจริง และรอดได้จริง อย่างน้อย ครบ 1 cycle ของตลาด
การวางแผน portfolio
* ถ้าเอาง่ายๆ ก็ควรแบ่งพอร์ตออกสองพอร์ต คือ..
1) พอร์ตเสี่ยงต่ำ มองภาพระยะยาว ได้กำไรไม่หวือหวา แต่ยั่งยืน
2) พอร์ตเสี่ยงสูง พอร์ตพนัน เอากำไร“บางส่วน” จากข้อ 1. มาเทรด ด้วย leverage ที่สูงได้ เพื่อเร่งความเร็ว
3) พอร์ต DCA ระยะยาว ถ้าเรามั่นใจว่า asset นั้นระยะยาวจะไม่พัง 4/1/2021 )
* แต่คนส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยวางแผนทำพอร์ตเสี่ยงต่ำ เพราะใจร้อน อยากได้กำไรเร็วๆ เยอะๆ ไวๆ ... แต่ลืมดูไปว่า ตัวเองยังไม่มีความรู้อะไรเลย หรือดูถูกตลาด คิดว่าตลาดมันง่ายๆ
* ถ้าจะให้ดี ก็ควร diversify เงิน ออกเพื่อไปลงในตลาดที่ไม่ correlated กัน
* เช่น ถ้าตลาดไหน มันเป็นขาลง เราก็โยกเงินหนีไปเล่นในตลาดที่เป็นขาขึ้นแทน
* เพราะ การเทรดเพื่อทำกำไรในขาลงนั้น ... มันยากกว่าตอนเทรดในตลาดขาขึ้นมากมายยิ่งนัก
* ไม่ควรเพิ่มหรือลดเงินในพอร์ต โดยไม่จำเป็น เพราะจะทำให้การบันทึกผลการเทรด รวนได้
* อย่ารีบเอาเงินกำไร จากการเทรด ไปใช้ในชีวิตประจำวัน ให้แยกส่วนกันให้ชัดเจน ถ้าจะเอาไปใช้ ต้องมีแผน cash out ที่ชัดเจนเสมอ
การวัดผล และปรับปรุงตัวเอง
* จดบันทึกผลการเทรดเสมอ ให้ติดเป็นนิสัย
* เทรดได้ ก็ต้องเขียนมาให้ละเอียดว่า ได้เพราะอะไร เทรดเสีย ก็ต้องระบุปัญหาให้ชัด ว่าเพราะอะไร จดให้ละเอียดถึงอารมณ์ที่เข้า position ณ ตอนนั้นๆ ด้วย
* ประเมินผลการเทรดทุกๆ เดือน ว่าพอร์ตโต หรือลดลงเท่าไหร่ และในแต่ละเดือนเราได้เรียนรู้อะไรบ้าง และเดือนหน้าเรามีแผนการที่จะแก้ปัญหานั้นๆ อย่างไร
* การเทรด ก็เหมือนการทำอาชีพ อาชีพหนึ่ง มันต้องใช้เวลา ศึกษา และเรียนรู้ เริ่มจากระดับอนุบาล และค่อยๆ advance ขึ้นไปเรื่อยๆ
* คนส่วนใหญ่ คิดว่า การเทรด คือหนทางรวยทางลัด เพราะเห็นโฆษณาต่างๆ หลอกเอาไว้ ..
* ยกตัวอย่างเช่น เหมือนกับการที่เราอยากเปิดร้านกาแฟ แต่เรามีแต่เงิน ไม่มีความรู้ใดๆ เรื่องกาแฟเลย รวมถึงไม่ขวนขวายหาความรู้ ไปเข้าคอร์สสอนชงกาแฟแค่ครั้งเดียว แล้วก็มาทำเลย ( ร้อนวิชา ) .... ผมก็รับประกันได้เลยว่า เปิดได้ไม่ถึงสามเดือน ยังไงก็เจ๊ง
* การเทรดก็เหมือนกัน มันไม่ง่าย มันยาก ตลาดมันมีแต่คนที่จ้องจะเอาเงินจากกระเป๋าของคุณอยู่ตลอดเวลา
* คนที่เข้าคอร์ส หรือเข้าห้อง VIP ของพวกอวดตัวเลข แล้วคิดว่าจะรวยง่ายๆ หลังเรียนจบ .. บอกได้เลยครับ ว่า คุณจะเจ๊งแน่นอน
* เอาจริงๆ มันต้องเจ๊งก่อนทุกคนด้วยซ้ำ เพราะถือว่าเป็นค่าครู ค่าวิชา ไปอ่านหนังสือดู ก็จะพบว่า พวกเซียนหุ้นเก่าๆ ยังไง ช่วงแรก ๆ ที่เข้าตลาดมาก็เจ๊ง หรือขาดทุนหนักกันแทบจะทุกคน
* แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ตอนที่คุณเจ๊งนั่นน่ะ คุณได้เรียนรู้อะไร จากค่าครู ที่เสียไปหรือเปล่า และได้เรียนรู้จากมันมามากแค่ไหน?
* หรือจะเป็นคนห่วย ๆ ที่พอเจ๊งแล้วก็โทษตลาด โทษเจ้า โทษคนโน้นคนนี้ไปทั่ว แต่ไม่เคยโทษตัวเองเลย เลือกเอาครับ
และนี้ก็เป็นข้อคิดที่คุณ “Real_inwCoin” ได้เขียนเอาไว้ที่หลัก ๆ ประกอบไปด้วย ไอเดีย, Risk Management, Market Cycle, Mindset, Long Entry, Short Entry, การ Stop Loss, กลยุทธ์การเทรด, การวางแผน portfolio และ การวัดผล และปรับปรุงตัวเอง ซึ่งเทรดเดอร์ท่านใดที่อ่านบทความนี้แล้วชอบก็สามารถไปติดตาม Real_inwCoin ได้ในช่องทาง Youtube และ Facebook นะจ๊ะ
ขอบคุณข้อมูลดีดีทั้งหมดจาก : Real_inwCoin (Link : https://th.tradingview.com/u/Real_inwCoin/#published-charts)
ก่อนที่จะเลือกเทรดกับโบรกเกอร์ไหนก็ตาม แอดเหยี่ยวอยากให้ศึกษารายละเอียดให้ดีเสียก่อน จะได้ไม่มาเสียใจภายหลัง ถือว่าแอดเตือนแล้วนะ!!! ตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี !
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กว่าจะมาเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เรื่องราวของ Vitalik Buterin เป็นมาอย่างไร?
15 ข้อคิดดีๆ จากหนังสือ
การเทรด Forex ที่ประสบความสำเร็จสามารถเปรียบเทียบกับการเดินเรือข้ามมหาสมุทรที่ต้องใช้การวางแผนและความระมัดระวังในทุกขั้นตอน ซึ่งใน 5 วิธีที่กล่าวถึงนี้ ไม่มีขั้นตอนใดที่สามารถขาดไปได้: 1. Plan (การวางแผน) = จุดหมายปลายทาง 2. Strategy (กลยุทธ์) = แผนที่เส้นทางเพื่อที่จะไปยังจุดหมายปลายทาง 3. Risk Management (การจัดการความเสี่ยง) = ขับเรืออย่างระวังเพื่อที่จะไม่ให้ไปชนภูเขาน้ำแข็ง 4. Lookout for News (ติดตามข่าวสาร) = มีไหวพริบที่ดี สังเกตุถึงความผิดปกติที่อาจจะเกิดขึ้น 5. Play Your Own Game (เล่นเกมส์ชีวิตของตัวเองโดยไม่ไปแข่งกับผู้อื่น) = มุ่งไปหาเป้าหมายที่เราตั้งไว้
เจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ได้กล่าวสุนทรพจน์ว่าด้วยแนวโน้มเศรษฐกิจในงานเสวนาซึ่งจัดขึ้นที่เมืองดัลลัส รัฐเท็กซัสเมื่อวานนี้ว่า
FOREX.com
GO MARKETS
ATFX
STARTRADER
Octa
FBS
FOREX.com
GO MARKETS
ATFX
STARTRADER
Octa
FBS
FOREX.com
GO MARKETS
ATFX
STARTRADER
Octa
FBS
FOREX.com
GO MARKETS
ATFX
STARTRADER
Octa
FBS