简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:5 ข้อคิดจาก "ชาร์ลี มังเกอร์" นักลงทุนระดับเทพ ผู้เป็นมือขวาของบัฟเฟตต์
Charles Thomas Munger เป็นนักธุรกิจ นักลงทุน และผู้ใจบุญชาวอเมริกัน และเป็นรองประธานของ Berkshire Hathaway บริษัทโฮลดิงด้านการลงทุนชื่อดัง มีบัฟเฟตต์ดำรงตำแหน่งประธานบริษัท และมังเกอร์เป็นรองประธาน เรียกได้ว่า ทั้งสองเป็นมหามิตรที่คอยเกื้อหนุนในการทำงานซึ่งกันและกัน จนกระทั่งทั้งสองเข้าสู่ช่วงวัย 90 ปี ก่อนที่มังเกอร์จะอำลาโลกนี้ไปในวัย 99 ปี และในช่วงที่ ชาร์ลี มังเกอร์ มีชีวิตอยู่ เขาได้ทิ้งข้อคิดด้านการเงิน การลงทุนและการใช้ชีวิตที่ทรงคุณประโยชน์หลายประการไว้ให้กับคนรุ่นหลัง ดังต่อไปนี้
1. ความสำคัญของการจดเช็คลิสต์ : มังเกอร์สนับสนุน “การทำเช็กลิสต์” หรือจดบันทึกรายการสิ่งที่จะทำ เพื่อเพิ่มการเรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมังเกอร์เคยกล่าวสุนทรพจน์ในมหาวิทยาลัย Southern California ว่า “การลิสต์รายการเป็นประจำจะช่วยหลีกเลี่ยงความผิดพลาดจำนวนมาก เพราะอาศัยเพียงความจำอย่างเดียว มนุษย์อาจหลงลืมทางแก้ที่สำคัญไป แต่หากทำเป็นรายประเด็นแล้ว ก็จะพบคำตอบจำนวน”
2. การลงทุนควรยึดหลัก 4 ข้อ
• ลงทุนธุรกิจที่เราเข้าใจ : โลกทุกวันนี้มีกระแสน่าตื่นตาตื่นใจมากมาย ถ้าไม่รีบลงทุนอาจตกขบวนได้ ไม่ว่าจะเป็นปัญญาประดิษฐ์ (AI), รถยนต์ไร้คนขับ, บล็อกเชน, ฯลฯ ธุรกิจเหล่านี้แม้แปลกใหม่ก็จริง แต่ก็มาพร้อมความซับซ้อนสูง หากลงทุนตามกระแสโดยที่ไม่มีความเข้าใจมากเพียงพอ ก็อาจทำให้ขาดทุนหนักได้ เพราะไม่ว่าธุรกิจใดก็ย่อมมี “ขาขึ้น” และ “ขาลง” มีอุปสรรคเฉพาะทางที่อาจทำให้ภาพอนาคตอันวาดฝันไว้ ผิดคาดได้ ดังนั้น การเลือกลงทุนในธุรกิจที่มีความเข้าใจอย่างแท้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญ
• เลือกผู้บริหารที่มีความสามารถและธรรมาภิบาล : “ธรรมาภิบาลและความสามารถ” เป็นประเด็นสำคัญ เพราะบริษัทจะรุ่งเรือง สิ่งที่อาจสำคัญมากกว่าสินค้าคือ “ผู้บริหาร” เพราะเป็นผู้กำหนดทิศทางบริษัทและดูแลภาพรวมของสินค้า
• ลงทุนในราคาที่สมเหตุผล : ต่อให้บริษัทนั้นจะดีเลิศเพียงใด แต่ถ้าซื้อในราคาสูงเกินไป ก็ยากที่จะทำกำไรจากบริษัทที่ดีนั้นได้ ด้วยเหตุนี้ ก่อนที่มังเกอร์จะลงทุนอะไรใดก็ตาม นอกจากเขาจะเข้าใจธุรกิจแล้ว ราคาในการลงทุนก็ควรสมเหตุสมผล และมีส่วนเผื่อความปลอดภัยด้วย เพื่อเผื่อกรณีเกิดวิกฤติทางการเงินหรือผลประกอบการบริษัทพลิกผันผิดคาด
• ลงทุนธุรกิจที่ได้เปรียบในการแข่งขันอย่างยั่งยืน : โลกทุกวันนี้แข่งขันกันสูงมาก หลายบริษัทต่างผลิตสินค้าที่มีลูกเล่นและลักษณะคล้ายกันออกมาแข่ง ถ้าสินค้าเราแทบไม่มีความแตกต่าง ท้ายที่สุดจะจบลงด้วยการแข่งขันด้านราคา ซึ่งมังเกอร์มองว่า ธุรกิจเช่นนี้ถือว่า “ไม่มีป้อมปราการที่ดี” มีโอกาสถูกบริษัทยักษ์ใหญ่กว่ากลืน เขาจึงพยายามคัดเลือกบริษัทที่แข็งแกร่ง ที่ไม่ต้องลดราคาตามก็สามารถแข่งขันได้ นั่นจึงเป็นธุรกิจที่ใช้คุณภาพเข้าสู้ มีเครือข่ายที่กว้างขวาง และมีแบรนด์อันแข็งแกร่ง
3. เอาคนที่เป็นพิษ (Toxic) ออกจากชีวิตให้เร็วที่สุด : คนที่เป็นพิษ (Toxic) หรือคนที่แสดงพฤติกรรมเชิงลบต่อคนใกล้ตัว ถือเป็นปัจจัยขัดขวางความสำเร็จในชีวิต มังเกอร์กล่าวว่า บทเรียนดีที่สุด คือ เอาคนแย่ ๆ แบบนี้ออกจากชีวิตให้เร็วที่สุด และพยายามหลีกเลี่ยงการสมาคมกับคนเหล่านี้ ขณะเดียวกันก็ต้องพยายามคบเพื่อนดี ๆ เพื่อส่งเสริมให้ชีวิตเจริญก้าวหน้าไปด้วยกัน
4. เมื่อรู้ว่าอยู่ในจุดได้เปรียบ ยิ่งต้องลงทุนเพิ่ม : ข้อนี้อาจคล้ายกับวลีบัฟเฟตต์ที่เคยกล่าวว่า “จงกลัวเมื่อคนอื่นกล้า และจงกล้าเมื่อคนอื่นกลัว” นั่นคือ เมื่อโอกาสซื้อหุ้นถูกเกิดขึ้นไม่มาก หากเกิดวิกฤติใดก็ตามที่ไม่กระทบต่อธุรกิจนั้น หรือหากกระทบจริง ธุรกิจดังกล่าวก็ฟื้นกลับมาได้ นี่คือโอกาสสำหรับการทุ่มเงินซื้อ ยิ่งช่วงเกิดวิกฤติ ส่วนลดของหุ้นก็จะยิ่งมากขึ้นตามไปด้วย และทำให้มีผลตอบแทนที่คาดหวังสูงมากกว่าช่วงปกติ แต่ทั้งนี้ควรทำแผนบริหารความเสี่ยงควบคู่ไปกับการกระจายการลงทุน
5. กำไรก้อนโตไม่ได้อยู่ที่ “ซื้อขาย” แต่อยู่ที่ “การรอคอย” : มังเกอร์ไม่ใช่นักเล่นหุ้นที่ซื้อ ๆ ขาย ๆ หลายครั้ง แต่ยึด “พื้นฐานของธุรกิจ” เป็นหลัก มังเกอร์มองว่า เหตุการณ์อนาคตไม่เป็นเส้นตรง ถึงแม้ในระยะสั้น ราคาหุ้นมีความผันผวน แต่ในระยะยาว ราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวตามผลประกอบการ ดังนั้น ในระหว่างที่บริษัทกำลังเติบโต อาจเกิดข่าวร้ายมากมาย เช่น เครื่องบินชนตึก การก่อวินาศกรรม สงคราม ฯลฯ ที่ทำให้ราคาหุ้นของแต่ละอุตสาหกรรมโดยรวมร่วงแรงได้ แต่ตราบได้ที่เหตุการณ์เหล่านี้ไม่ได้กระทบต่อการประกอบธุรกิจ ไม่ได้ทำให้พื้นฐานเปลี่ยนไป ก็ควรถือคอยเพื่อรอกำไรก้อนโต
ขอบคุณข้อมูลจาก : bangkokbiznews
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กฎสำคัญของการเทรดแบบ Scalping 1.ใช้กลยุทธ์ Scalping ที่มีคุณภาพ 2.หาจุดคุ้มทุน (Break-even stops) 3.อย่าคิดว่าการเทรดบ่อย ๆ จะทำให้ได้เงินเยอะ 4.ติดตามกลยุทธ์การเทรด 5.ปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์การเทรดที่วางไว้ 6.เทรดด้วยอัตราการชนะที่มากกว่า 7.ใช้กรอบเวลาที่เหมาะสม 8.เริ่มต้นเล็ก ๆ ก่อน 9.เชี่ยวชาญในโครงสร้างตลาด 10.ฝึกฝนการเทรดทุกวัน
สเปรดมีความสำคัญต่อเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์เนื่องจากมีผลต่อต้นทุนการเทรดโดยตรง สเปรดที่ต่ำช่วยลดต้นทุนและรักษากำไรได้มากขึ้น โดยเฉพาะเทรดเดอร์ที่เทรดบ่อยหรือในปริมาณมาก สเปรดที่สูงสามารถลดกำไรเมื่อเวลาผ่านไป เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping และ Day Trading จะไวต่อสเปรดสูง เนื่องจากอาจลดหรือทำให้กำไรหายไป การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำจึงสำคัญ ความผันผวนของตลาดอาจทำให้สเปรดกว้างขึ้น เทรดเดอร์มักเลือกเทรดในช่วงสภาพคล่องสูงและใช้คำสั่ง Limit เพื่อลดต้นทุน สุดท้าย การเลือกโบรกเกอร์ที่มีบัญชี ECN และการหลีกเลี่ยงข่าวผันผวนช่วยจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น
บทวิเคราะห์บิตคอยน์
บทความนี้ชวนผู้อ่านสำรวจตนเองว่ากำลังเสพติดการเทรดหรือไม่ โดยชี้ให้เห็นสัญญาณสำคัญที่แสดงถึงการเสพติด เช่น การเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่มีแผน หมกมุ่นกับการติดตามข้อมูล ละเลยกิจกรรมอื่น ๆ เทรดด้วยอารมณ์ และประสบความเครียดเมื่อไม่ได้เทรด การตระหนักถึงสัญญาณเหล่านี้จะช่วยป้องกันผลกระทบต่อการเงิน ความสัมพันธ์ และสุขภาพกายใจ
ATFX
HFM
Tickmill
VT Markets
Octa
XM
ATFX
HFM
Tickmill
VT Markets
Octa
XM
ATFX
HFM
Tickmill
VT Markets
Octa
XM
ATFX
HFM
Tickmill
VT Markets
Octa
XM