简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:10 ขั้นตอน สร้างกลยุทธ์การเทรด
ในการเทรดมีความตื่นเต้น และท้าทาย เพราะตลาดการลงทุนมีหลากหลาย เช่นเดียวกับกลยุทธ์ แต่เราก็สามารถสร้างกลยุทธ์การเทรดที่เหมาะสมกับตลาดที่เราเลือกได้ แต่กว่าจะได้กลยุทธ์ที่เหมาะกับตัวเอง อาจต้องใช้เวลานานมากเพราะไม่รู้จะเริ่มจากจุดไหน แต่แอดเหยี่ยวรวมมาให้แล้วกับ 10 ขั้นตอนในการสร้างกลยุทธ์การเทรดของตัวเอง อย่ารอช้าไปเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
ขั้นตอนที่ 1: การกำหนดมุมมองการซื้อขายหลัก อาจลองตั้งคำถามอย่างเช่น ชื่นชอบการซื้อขายประเภทใด? จะเป็นการเทรดระยะสั้นหรือการลงทุนระยะยาวหรือไม่? ตัวเลือกเหล่านี้จะช่วยให้กำหนดสินทรัพย์หรือตลาดที่เหมาะสมกับข้อกำหนดในการเทรดของนักเทรด
ขั้นตอนที่ 2: การตัดสินใจที่สำคัญอีกหนึ่งข้อคือการเลือกตลาด โดยการตัดสินใจครั้งนี้จะกำหนดสินทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับกลยุทธ์การซื้อขายในอนาคต หากไม่ต้องการมุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์ใดเพียงรายการเดียว สามารถวางแผนการกระจายความเสี่ยงในตลาดการเงินหรือสินทรัพย์ประเภทอื่นๆได้
เทรดเดอร์มือใหม่จำเป็นต้องเตรียมพร้อมที่จะทดลองในตลาดต่างๆก่อนที่จะค้นหาตลาดที่เหมาะสมที่สุด โดยส่วนใหญ่อาจจะต้องผ่านการลองผิดลองถูกตลอด จนการทดลองกลยุทธ์ย้อนหลัง เพื่อให้แน่ใจว่าแนวทางที่เลือกนั้นเหมาะกับตัวเอง
ขั้นตอนที่ 3: การตัดสินใจเกี่ยวกับช่วงเวลาของการเทรด จะเป็นเทรดเดอร์เต็มเวลาหรือใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเพื่อหารายได้พิเศษก็แล้วแต่นักเทรด ที่สำคัญคือต้องพิจารณาชั่วโมงการซื้อขายอย่างเป็นทางการที่อ้างอิงในแต่ละตลาด
การเทรดForex สามารถดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมง และไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามตารางเวลาเฉพาะ แนะนำให้มือใหม่หลีกเลี่ยงการใช้เวลาในการดูกราฟมากเกินไปในตอนเริ่มต้น ไม่อย่างนั้น กระบวนการนี้อาจทำให้รู้สึกว่าน่ากังวลและซับซ้อนจนเกินไป โดยพยายามมีส่วนร่วมในตลาดการเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไปแทน
ขั้นตอนที่ 4: กำหนดชุดเครื่องมือเพื่อวัดแนวโน้ม (trend) หากคุณสามารถมองเห็นแนวโน้ม คุณจะเข้าใจว่าตลาดหรือราคาเคลื่อนไหวอย่างไร สามารถเลือกเครื่องมือได้หลากหลาย ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของตลาด ประเภทสินทรัพย์ และปัจจัยสำคัญอื่นๆ จะต้องเรียนรู้วิธีการระบุ อ่าน และการเทรดในรูปแบบต่างๆ นั่นอาจต้องใช้เวลาพอสมควร วิธีการนี้เหมาะสำหรับเดย์เทรดเดอร์ (day traders) และสินทรัพย์เฉพาะเป็นหลัก
ขั้นตอนที่ 5: เมื่อตัดสินใจเกี่ยวกับตลาดและวิธีการที่คุณวางแผนจะเทรด ต้องพิจารณาสัญญาณเฉพาะที่ช่วยให้สามารถกำหนดเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าและออกตลาด กล่าวง่ายๆ ก็คือ นักเทรดจะรู้ว่าเมื่อใดคือเวลาที่ดีที่สุดในการเปิดหรือปิดตำแหน่งการซื้อขาย
สำหรับสัญญาณเข้าซื้อ โดยทั่วไปเทรดเดอร์จะระบุจุดโดยคำนึงถึงปัจจัยสำคัญหลายประการดังนี้:
เวลาที่ใช้ในการทดสอบและยืนยันสัญญาณ (คุณต้องการเวลามากกว่านี้ในการดำเนินการนี้หรือไม่)
ประเภทของสัญญาณที่ต้องการ (แสดงการเคลื่อนไหวของราคาหรือตลาดที่ทะลุระดับคงที่)
ปัจจัยเหล่านี้ล้วนมีความสำคัญหากคุณวางแผนที่จะซื้อหรือขายสินทรัพย์
ขั้นตอนที่ 6: เทรดเดอร์โดยทั่วไปมักจะเริ่มใช้วิธีการจัดการความเสี่ยง การวางคำสั่งหยุดการขาดทุน (stop loss) อาจเป็นขั้นตอนที่สำคัญในการออกจากตลาดอย่างปลอดภัย เป็นเครื่องมือการบริหารจัดการเงินประเภทหนึ่งที่ใช้เพื่อป้องกันผู้ลงทุนจากการสูญเสียเงินอีกด้วย
เพื่อใช้วาง ณ จุดเฉพาะที่คิดว่าตลาดอาจมีการเปลี่ยนแปลง กล่าวง่ายๆ ก็คือ เครื่องมือนี้ ช่วยให้ออกจากตลาดโดยอัตโนมัติในช่วงราคาที่ไม่ต้องการเก็บตำแหน่งสินทรัพย์นั้นอีกต่อไป
ขั้นตอนที่ 7: การจัดการความเสี่ยงถือเป็นสิ่งสำคัญเพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียครั้งใหญ่ เนื่องจากการสูญเสียเงินทุนในตำแหน่งคำสั่งซื้อขายที่เปิดอยู่ (open position) อาจนำไปสู่ผลที่ตามมาที่ร้ายแรง วิธีการหนึ่งก็คือ การคำนวณความเสี่ยงก่อนเปิดตำแหน่งการซื้อขาย
หลักการคือ ห้ามซื้อขายเกิน 5% ของเงินทุนของคุณต่อการเทรด ผู้เชี่ยวชาญบางคนใช้อัตราที่ต่ำกว่านั้น (1% ของยอดคงเหลือเริ่มต้น) อย่าละเลยในการคำนวณอัตราการควบคุมความเสี่ยงต่อผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ (Reward to Risk Ratio) รวมไปถึง Hit Rate ในช่วงเวลาที่กำหนด
ขั้นตอนที่ 8: กุญแจสู่ความสำเร็จ คือข้อมูล โดยเฉพาะเทรดเดอร์ที่พยายามวิเคราะห์ตลาดอยู่เสมอ การมีบันทึกแนวทางการซื้อขายทั้งหมดของคุณจะช่วยเพิ่มโอกาสในการสร้างกลยุทธ์การเทรดที่ประสบความสำเร็จได้ เมื่อคุณมองย้อนกลับไปที่ประวัติคำสั่งซื้อขาย คุณจะสามารถเรียนรู้จากทั้งข้อผิดพลาดและการเทรดที่ประสบความสำเร็จ นำไปพัฒนาการตัดสินใจที่เหมาะสมต่อไปและยังช่วยปรับเทคนิคให้เข้ากับสภาวะตลาดที่เฉพาะเจาะจงอีกด้วย
ขั้นตอนที่ 9: การทดสอบกลยุทธ์ของคุณภายใต้สภาวะตลาดจริง ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้นำเสนอแนวทางการทดสอบหลากหลายประเภทโดยไม่ต้องลงทุนจริง ทำให้แทบจะไม่รู้สึกอะไรกับการสูญเสียเงินหากมีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น
สามารถเลือกใช้บัญชีทดลองที่จำลองสภาพตลาดจริงด้วยเครื่องมือและสินทรัพย์เดียวกันกับการซื้อขายเสมือนจริง ตัวเลือกที่สองคือ paper trading ซึ่งทำงานในลักษณะเดียวกันกับบัญชีทดลอง ยิ่งไปกว่านั้น แพลตฟอร์มการเทรด MT4 ยังมาพร้อมกับคุณสมบัติการทดสอบกลยุทธ์เทรดย้อนหลัง (Backtesting) ซึ่งคุณสามารถรันกลยุทธ์การซื้อขายในโหมดทดสอบโดยพิจารณาจากประวัติการซื้อขายที่สร้างโดยซอฟต์แวร์ได้ขั้นตอนที่ 10:การลองใช้เทคนิคและกลยุทธ์ที่แตกต่างกันพร้อมทั้งผสมผสานการใช้เครื่องมือที่หลากหลายเพื่อทำให้ประสบการณ์การซื้อขายของคุณมีความหลากหลายมากขึ้น
การเทรดสมัยใหม่ยังมีเครื่องมือที่ทันสมัยหลายอย่างที่สามารถใช้ในการดำเนินกิจกรรมการซื้อขายได้โดยอัตโนมัติ อีกทั้งยังมีผู้ร่วมตลาดที่ใช้บอทในการเทรดและโซลูชันเทคโนโลยีอื่นๆ เพื่อปรับปรุงวิธีการซื้อขายและลดความเสี่ยงในการล้มเหลว โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่ยังใหม่ต่อตลาด
ขอบคุณข้อมูลจาก mtrading
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กฎสำคัญของการเทรดแบบ Scalping 1.ใช้กลยุทธ์ Scalping ที่มีคุณภาพ 2.หาจุดคุ้มทุน (Break-even stops) 3.อย่าคิดว่าการเทรดบ่อย ๆ จะทำให้ได้เงินเยอะ 4.ติดตามกลยุทธ์การเทรด 5.ปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์การเทรดที่วางไว้ 6.เทรดด้วยอัตราการชนะที่มากกว่า 7.ใช้กรอบเวลาที่เหมาะสม 8.เริ่มต้นเล็ก ๆ ก่อน 9.เชี่ยวชาญในโครงสร้างตลาด 10.ฝึกฝนการเทรดทุกวัน
สเปรดมีความสำคัญต่อเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์เนื่องจากมีผลต่อต้นทุนการเทรดโดยตรง สเปรดที่ต่ำช่วยลดต้นทุนและรักษากำไรได้มากขึ้น โดยเฉพาะเทรดเดอร์ที่เทรดบ่อยหรือในปริมาณมาก สเปรดที่สูงสามารถลดกำไรเมื่อเวลาผ่านไป เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping และ Day Trading จะไวต่อสเปรดสูง เนื่องจากอาจลดหรือทำให้กำไรหายไป การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำจึงสำคัญ ความผันผวนของตลาดอาจทำให้สเปรดกว้างขึ้น เทรดเดอร์มักเลือกเทรดในช่วงสภาพคล่องสูงและใช้คำสั่ง Limit เพื่อลดต้นทุน สุดท้าย การเลือกโบรกเกอร์ที่มีบัญชี ECN และการหลีกเลี่ยงข่าวผันผวนช่วยจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น
บทวิเคราะห์บิตคอยน์
บทความนี้ชวนผู้อ่านสำรวจตนเองว่ากำลังเสพติดการเทรดหรือไม่ โดยชี้ให้เห็นสัญญาณสำคัญที่แสดงถึงการเสพติด เช่น การเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่มีแผน หมกมุ่นกับการติดตามข้อมูล ละเลยกิจกรรมอื่น ๆ เทรดด้วยอารมณ์ และประสบความเครียดเมื่อไม่ได้เทรด การตระหนักถึงสัญญาณเหล่านี้จะช่วยป้องกันผลกระทบต่อการเงิน ความสัมพันธ์ และสุขภาพกายใจ
IQ Option
XM
EC Markets
STARTRADER
Pepperstone
OANDA
IQ Option
XM
EC Markets
STARTRADER
Pepperstone
OANDA
IQ Option
XM
EC Markets
STARTRADER
Pepperstone
OANDA
IQ Option
XM
EC Markets
STARTRADER
Pepperstone
OANDA