简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:5 ปัจจัยที่ต้องจับตา: รายงานเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น
ข้อมูลเงินเฟ้อจากสหรัฐอเมริกา ยูโรโซน และญี่ปุ่นจะในความสนใจสัปดาห์นี้ ความคืบหน้าของภาคการผลิตของจีนก็จะถูกจับตามองเช่นกัน ในขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มอุปสงค์อาจยังคงส่งผลต่อราคาน้ำมัน นี่คือ 5 สิ่งที่นักลงทุนควรจับตา
1.ข้อมูลเงินเฟ้อสหรัฐฯ
มาตรวัดอัตราเงินเฟ้อที่เฟดจับตานำมาพิจารณาอัตราดอกเบี้ย ได้แก่ ดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งจะครบกำหนดในวันศุกร์ จะเป็นเบาะแสต่อทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปี
ข้อมูลดังกล่าวจะมาในขณะที่ตลาดกำลังถอยห่างจากอัตราดอกเบี้ยที่สูงที่อยู่มาอย่างยาวนาน หลังจากรายงานการประชุมของเฟดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วมาพร้อมกับท่าทีว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายจากเจ้าหน้าที่เฟด แต่ยังเคลือบแคลงว่าอัตราเงินเฟ้ออยู่ในเส้นทางขาลงอย่างยั่งยื่นหรือไม่
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจะได้รับรู้ความคิดเห็นจากเจ้าหน้าที่เฟดอีกหลายคนในระหว่างสัปดาห์ รวมถึงผู้ว่าการ มิเชล โบว์แมน, ประธานเฟดของ Cleveland ลอเล็ตต้า เมสเตอร์ ลิซ่า คุก, จอห์น วิลเลียมส์ ประธาน เฟดแห่งนิวยอร์ก และ ราฟาเอล บอสติกประธานเฟดประจำแอตแลนตา
ปฏิทินเศรษฐกิจยังมีข้อมูลที่แก้ไขเกี่ยวกับ การเติบโต เศรษฐกิจในไตรมาสแรกในวันพฤหัสบดี และ Beige Book ของเฟดในวันพุธ
2.ข้อมูลเงินเฟ้อยุโรป
ธนาคารกลางยุโรปได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยจากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4% ในการประชุมเดือนมิถุนายนที่กำลังจะมาถึง แต่ก็ยังต้องรอดูว่าจะลดอัตราดอกเบี้ยได้เร็วแค่ไหนหลังจากนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากข้อมูลเงินเฟ้อในวันศุกร์แสดงให้เห็นว่าแรงกดดันยังคงผันผวน
นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อยูโรโซนจะพุ่งขึ้น 2.5% ในเดือนพฤษภาคมปีต่อปี จาก 2.4% ในเดือนเมษายน ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังคงทรงตัวที่ 2.7%
ปัจจัยนี้เพียงอย่างเดียวไม่น่าจะขัดขวาง ECB จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน แต่เจ้าหน้าที่บางคนกำลังโต้เถียงกับความจำเป็นในการผ่อนปรนนโยบาย
ปฏิทินเศรษฐกิจนี้ยังประกอบด้วย Ifo business climate index ของเยอรมนีในวันจันทร์ และ inflation allowance ในวันอังคาร
3.ข้อมูลเงินเฟ้อโตเกียว
ข้อมูล เงินเฟ้อโตเกียว ที่จะครบกำหนดในวันศุกร์จะถูกจับตาดูอย่างใกล้ชิด เนื่องจากตลาดพยายามประเมินว่าเมื่อใดที่ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่นจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไป
ตัวเลขดังกล่าวเกิดขึ้นสองสัปดาห์ก่อนการประชุมนโยบายการเงินครั้งต่อไปของ BOJ ซึ่งบางคนเดิมพันว่าธนาคารกลางอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สองหลังจากการเคลื่อนไหวครั้งประวัติศาสตร์ในเดือนมีนาคม
ธนาคารกลางญี่ปุ่นกำลังเผชิญกับแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางการอ่อนค่าของเงินเยนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบต่อการบริโภคโดยทำให้ต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบสูงขึ้น
นอกจากนี้ ในวันศุกร์ กระทรวงการคลังจะเปิดเผยข้อมูลการแทรกแซงซึ่งครอบคลุมการแทรกแซงที่น่าสงสัยรอบล่าสุดและกำหนดการซื้อพันธบัตรของ BOJ ซึ่งผู้ค้าจะมองหาการลดจำนวนการซื้อของธนาคารกลาง
4.ความเคลื่อนไหวจากจีน
จีนจะเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับผลกำไรทางอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันในวันจันทร์ โดยผู้เฝ้าดูตลาดต่างอยากรู้ว่าผลกำไรดีดตัวขึ้นในเดือนเมษายนหรือไม่ หลังจากการลดลงอย่างรวดเร็วในเดือนก่อนทำให้อัตราการเพิ่มขึ้นในช่วงสามเดือนแรกช้าลงเหลือ 4.3%
จีนจะเปิดเผย PMI การผลิตและที่ไม่ใช่การผลิตอย่างเป็นทางการในวันศุกร์ นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าดัชนีการผลิตจะยังคงอยู่เหนือเกณฑ์ 50 ซึ่งแยกการเติบโตจากการหดตัวเป็นเดือนที่สามในเดือนพฤษภาคม
ปักกิ่งตั้งเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจไว้ที่ประมาณ 5% ในปีนี้ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนกล่าวว่าจะเป็นความท้าทายในการเผชิญปัญหา เนื่องจากความอ่อนแอในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ยืดเยื้อและความต้องการของผู้บริโภคที่ซบเซายังคงกดดันเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก
5.ราคาน้ำมัน
ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้นประมาณ 1% ในวันศุกร์ แต่กลับลดลงเมื่อคิดเป็นรายสัปดาห์ จากความกังวลว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แข็งแกร่งจะคงอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้นเป็นระยะเวลานานขึ้น ซึ่งควบคุมความต้องการเชื้อเพลิง
น้ำมันเบรนท์ ย่อตัวลง 2.1% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ลดลงติดต่อกันสี่เซสชันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ถือเป็นการลดลงติดต่อกันยาวนานที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 2 มกราคม สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI ตกลง 2.8% สำหรับสัปดาห์นี้
อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นจะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจชะลอกิจกรรมทางเศรษฐกิจและลดความต้องการน้ำมันได้
โดยรวม ความต้องการน้ำมันยังคงแข็งแกร่ง นักวิเคราะห์ของ Morgan Stanley เขียนในบันทึก โดยเสริมว่าพวกเขาคาดว่าปริมาณการใช้น้ำมันทั้งหมดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวันในปีนี้
ขอบคุณสำนักข่าวรอยเตอร์ส
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กฎสำคัญของการเทรดแบบ Scalping 1.ใช้กลยุทธ์ Scalping ที่มีคุณภาพ 2.หาจุดคุ้มทุน (Break-even stops) 3.อย่าคิดว่าการเทรดบ่อย ๆ จะทำให้ได้เงินเยอะ 4.ติดตามกลยุทธ์การเทรด 5.ปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์การเทรดที่วางไว้ 6.เทรดด้วยอัตราการชนะที่มากกว่า 7.ใช้กรอบเวลาที่เหมาะสม 8.เริ่มต้นเล็ก ๆ ก่อน 9.เชี่ยวชาญในโครงสร้างตลาด 10.ฝึกฝนการเทรดทุกวัน
สเปรดมีความสำคัญต่อเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์เนื่องจากมีผลต่อต้นทุนการเทรดโดยตรง สเปรดที่ต่ำช่วยลดต้นทุนและรักษากำไรได้มากขึ้น โดยเฉพาะเทรดเดอร์ที่เทรดบ่อยหรือในปริมาณมาก สเปรดที่สูงสามารถลดกำไรเมื่อเวลาผ่านไป เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping และ Day Trading จะไวต่อสเปรดสูง เนื่องจากอาจลดหรือทำให้กำไรหายไป การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำจึงสำคัญ ความผันผวนของตลาดอาจทำให้สเปรดกว้างขึ้น เทรดเดอร์มักเลือกเทรดในช่วงสภาพคล่องสูงและใช้คำสั่ง Limit เพื่อลดต้นทุน สุดท้าย การเลือกโบรกเกอร์ที่มีบัญชี ECN และการหลีกเลี่ยงข่าวผันผวนช่วยจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น
บทวิเคราะห์บิตคอยน์
บทความนี้ชวนผู้อ่านสำรวจตนเองว่ากำลังเสพติดการเทรดหรือไม่ โดยชี้ให้เห็นสัญญาณสำคัญที่แสดงถึงการเสพติด เช่น การเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่มีแผน หมกมุ่นกับการติดตามข้อมูล ละเลยกิจกรรมอื่น ๆ เทรดด้วยอารมณ์ และประสบความเครียดเมื่อไม่ได้เทรด การตระหนักถึงสัญญาณเหล่านี้จะช่วยป้องกันผลกระทบต่อการเงิน ความสัมพันธ์ และสุขภาพกายใจ