简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:กลยุทธ์ Range Trading หรือ กลยุทธ์การเทรดในกรอบราคา เป็นกลยุทธ์การเทรด Forex ที่มุ่งเน้นไปที่การทำกำไรจาก การเคลื่อนไหวของราคาภายในช่วงราคาที่กำหนด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการ จำกัดความเสี่ยง และแสวงหาผลตอบแทนที่ มั่นคงและสม่ำเสมอ
นักเทรดเบื่อกับการเทรดแบบลุ้นระทึกกันไหมครับ หรือนักเทรดคนไหนอยากได้กลยุทธ์เทรดแบบชิลๆ แต่กำไรสม่ำเสมอ แอดเหยี่ยวมีอีกหนึ่งกลยุทธ์ มาแนะนำนั้นคือกลยุทธ์ Range Trading กลยุทธ์ที่ช่วยจำกัดความเสี่ยงและมองหาผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ เปรียบเสมือนการเล่นในสนามที่มีขอบเขตชัดเจน รู้จุดเข้า-จุดออก ทำให้ง่ายต่อการวางแผนและตัดสินใจ
Range Trading คืออะไร?
กลยุทธ์ Range Trading หรือ กลยุทธ์การเทรดในกรอบราคา เป็นกลยุทธ์การเทรด Forex ที่มุ่งเน้นไปที่การทำกำไรจาก การเคลื่อนไหวของราคาภายในช่วงราคาที่กำหนด เหมาะอย่างยิ่งสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการ จำกัดความเสี่ยง และแสวงหาผลตอบแทนที่ มั่นคงและสม่ำเสมอ เปรียบเสมือนการเทรดในกรอบที่มีขอบเขตชัดเจน วางแผนได้ง่าย ตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
ขอบคุณภาพจาก Investopedia
หลักการสำคัญของกลยุทธ์ Range Trading
1.การวิเคราะห์กราฟเพื่อหากรอบราคา
ศึกษาข้อมูลย้อนหลังของคู่สกุลเงินที่ต้องการเทรด มองหาช่วงราคาที่ราคามีแนวโน้มเคลื่อนไหว
ใช้เครื่องมือทางเทคนิคช่วยวิเคราะห์ เช่น แนวต้านแนวรับ เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ (MA) ช่องทาง หรือ Bollinger Bands
ตัวอย่าง กราฟ EUR/USD แสดงแนวต้านที่ 1.15 และแนวรับที่ 1.10 แสดงถึงกรอบราคาที่ราคาน่าจะเคลื่อนที่
2.การกำหนดจุดเข้าและจุดออก
จุดเข้า: มักอยู่ใกล้ขอบเขตของกรอบราคา ซื้อเมื่อราคาแตะแนวรับ (1.10) หรือขายเมื่อราคาแตะแนวต้าน (1.15)
จุดออก: มักอยู่กึ่งกลางของกรอบราคา ปิดสถานะซื้อเมื่อราคาแตะจุดกึ่งกลาง (1.125) หรือปิดสถานะขายเมื่อราคาแตะจุดกึ่งกลาง (1.125)
3.การผสานตัวชี้วัดทางเทคนิค
ตัวชี้วัดทางเทคนิคช่วยเสริมประสิทธิภาพการวิเคราะห์ หาจังหวะเข้า-ออกเทรดได้แม่นยำขึ้น
ตัวอย่าง
Relative Strength Index (RSI) บ่งบอกภาวะซื้อเกิน (RSI ต่ำกว่า 30) หรือขายเกิน (RSI สูงกว่า 70)
ซื้อ EUR/USD เมื่อ RSI ต่ำกว่า 30
ขาย EUR/USD เมื่อ RSI สูงกว่า 70
Bollinger Bands แสดงขอบเขตการเคลื่อนไหวของราคา
ซื้อ EUR/USD เมื่อราคาแตะขอบล่างของ Bollinger Bands
ขาย EUR/USD เมื่อราคาแตะขอบบนของ Bollinger Bands
ขอบคุณภาพจาก Investopedia
4.การจัดการความเสี่ยง
วางคำสั่ง Stop Loss เหนือแนวต้านสำหรับการขาย และต่ำกว่าแนวรับสำหรับการซื้อ
จำกัดความเสี่ยงต่อการเทรดแต่ละครั้ง
ปรับขนาดสถานะให้เหมาะสมกับเงินทุน
ตัวอย่างกลยุทธ์ Range Trading
หากต้องการวางกรอบเวลาที่จะเล่นประมาณ 3-4 ชั่วโมง เทรดเดอร์มีแนวโน้มจะใช้กราฟ 5 นาที แล้วตีกรอบการสวิงของราคาไว้ดังเช่นตัวอย่าง GBPJPY ในภาพด้านล่าง จะเห็นว่า กรอบราคากินเวลาราว 15-20 ชั่วโมง แม้เราจะวางแผนที่จะเทรด 3-4 ชั่วโมงก็ตาม
ขอบคุณรูปจาก Admiralmarkets
เมื่อคุณได้กรอบ บน-ล่าง อย่างน้อย 3-4 จุดแล้ว คุณจะสังเกตเห็นจุดเข้าเทรดได้ในทันที อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดเกี่ยวกับจำนวนครั้ง เพียงแต่เมื่อต้องตีกรอบบนล่างเริ่มต้นอย่างน้อย 2 จุดแล้ว ดังนั้น จำนวนครั้งที่น้อยที่สุดที่เทรดเดอร์จะเริ่มเทรดได้ ก็คือการทดสอบกรอบราคาในครั้งที่ 3 นั้นเอง
เมื่อราคาปะทะกรอบใดกรอบหนึ่ง ไม่ว่าจะด้านบนหรือด้านล่าง เทรดเดอร์ที่มีเวลาเฝ้ากราฟจะรอให้เกิดแท่งเทียนกลับตัว หรือ 'Reversal' เพื่อยืนยันว่ากรอบนั้นยังแข็งแรงอยู่ หลังจากนั้นก็เปิดสถานะสวนกรอบเข้ามา เช่น เมื่อราคาปะทะกรอบบน ก็ให้ Sell ลงมา
คุณไม่จำเป็นต้องใช้เวลาจำนวนมากในการเฝ้ากราฟด้วยซ้ำ เพราะคุณสามารถตั้งการซื้อขายล่วงหน้า หรือที่เรียกว่า Pending Order ได้ แน่นอนว่า วิธีการนี้คุณต้องคำนวณความเสี่ยงอย่างรัดกุมไว้ก่อน
Indicator สำหรับ Range Trading
Indicator สำหรับที่ใช้สำหรับสร้างสัญญาณซื้อขายภายใน Range เราจะใช้เครื่องมือในกลุ่ม Oscillator ต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ Relative Strength Index (RSI), Williams Percent Range (%R), Stochastic Oscillator เป็นต้น
ตัวอย่างด้านล่าง คือ การใช้ %R โดยพื้นฐานอาจเริ่มจากใช้เป็น “สัญญาณเตือน” ถึงการกลับตัว โซนเฝ้าระวังจะอยู่ -20 จะเตือนว่าใกล้ถึงจุดกลับตัวในฝั่งขาขึ้น และสำหรับ -80 คือภาวะการฟื้นตัวของราคาใกล้มาถึง แต่อยากให้สังเกตดี ๆ ว่า เมื่อ %R ถึง -20, -80 ราคายังคงไปต่ออีกสักระยะใหญ่ๆ
ขอบคุณรูปจาก Admiralmarkets
%R นิยมใช้ในการเทรดแบบ Range Trading เพราะมีแนวโน้มจะรักษาแนวคิดเก่าในการเทรดแบบดังกล่าว คือการรอให้ราคากลับตัวมาก่อน ค่อยเข้าเทรดตามแท่งเทียนนั้นๆ โดยสมัยก่อนจะรอให้ %R วกกลับเข้ามาภายในโซน -20 และ -80 ก่อน
จากภาพ USDCAD ให้สังเกตจุดที่ [2] จะเห็นว่า เมื่อ Indicator เข้าที่จุด -20 แล้ว ราคายังไปต่ออีกค่อนข้างไกลเลยทีเดียว ซึ่งอาจสร้างความเสียหายให้กับสถานะ Sell ของคุณได้ แต่หากรอให้ %R กลับตัวลงมาก่อน แล้วค่อย Sell เราจะเข้าได้ที่จุดที่ปลอดภัยมากขึ้น ซึ่งก็ต้องแลกกับราคาที่แพงขึ้นสำหรับการ Sell อย่างไรก็ตาม นี่ไม่ใช่หลักการตายตัวสำหรับทุกคน
ต้องปรับให้เข้ากับมุมมองและความสามารถในการรับความเสี่ยงของคุณ หากคุณไม่สบายใจที่จะซื้อในต้นทุนที่แพง คุณต้องหา Indicator อื่น ๆ ที่ให้สัญญาณใกล้จุดกลับตัว แต่นั่นก็หมายถึง โอกาสโดน Stop Loss จะง่ายกว่า ในทางกลับตัว หากคุณรอให้ %R กลับตัวลงมาก่อน คุณได้ราคาปลอดภัยก็จริง แต่คุณจะมีแนวโน้มที่ต้องวาง Stop Loss กว้างขึ้นนั่นเอง
สรุป
กลยุทธ์ Range Trading เป็นกลยุทธ์การเทรด Forex ที่น่าสนใจ เหมาะสำหรับเทรดเดอร์ที่ต้องการจำกัดความเสี่ยง และผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ แต่อย่างไรก็ตามนักเทรดควรศึกษาข้อมูล ฝึกฝน และพัฒนากลยุทธ์ให้เหมาะกับตัวเอง ควบคู่กับการบริหารจัดการความเสี่ยงไปด้วย
.
ขอบคุณข้อมูลจาก Investopedia และ Admiralmarkets
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินในลงทุน
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กฎสำคัญของการเทรดแบบ Scalping 1.ใช้กลยุทธ์ Scalping ที่มีคุณภาพ 2.หาจุดคุ้มทุน (Break-even stops) 3.อย่าคิดว่าการเทรดบ่อย ๆ จะทำให้ได้เงินเยอะ 4.ติดตามกลยุทธ์การเทรด 5.ปฏิบัติตามแผนกลยุทธ์การเทรดที่วางไว้ 6.เทรดด้วยอัตราการชนะที่มากกว่า 7.ใช้กรอบเวลาที่เหมาะสม 8.เริ่มต้นเล็ก ๆ ก่อน 9.เชี่ยวชาญในโครงสร้างตลาด 10.ฝึกฝนการเทรดทุกวัน
สเปรดมีความสำคัญต่อเทรดเดอร์ที่มีประสบการณ์เนื่องจากมีผลต่อต้นทุนการเทรดโดยตรง สเปรดที่ต่ำช่วยลดต้นทุนและรักษากำไรได้มากขึ้น โดยเฉพาะเทรดเดอร์ที่เทรดบ่อยหรือในปริมาณมาก สเปรดที่สูงสามารถลดกำไรเมื่อเวลาผ่านไป เทรดเดอร์ที่ใช้กลยุทธ์ Scalping และ Day Trading จะไวต่อสเปรดสูง เนื่องจากอาจลดหรือทำให้กำไรหายไป การเลือกโบรกเกอร์ที่มีสเปรดต่ำจึงสำคัญ ความผันผวนของตลาดอาจทำให้สเปรดกว้างขึ้น เทรดเดอร์มักเลือกเทรดในช่วงสภาพคล่องสูงและใช้คำสั่ง Limit เพื่อลดต้นทุน สุดท้าย การเลือกโบรกเกอร์ที่มีบัญชี ECN และการหลีกเลี่ยงข่าวผันผวนช่วยจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น
บทวิเคราะห์บิตคอยน์
บทความนี้ชวนผู้อ่านสำรวจตนเองว่ากำลังเสพติดการเทรดหรือไม่ โดยชี้ให้เห็นสัญญาณสำคัญที่แสดงถึงการเสพติด เช่น การเพิ่มความเสี่ยงโดยไม่มีแผน หมกมุ่นกับการติดตามข้อมูล ละเลยกิจกรรมอื่น ๆ เทรดด้วยอารมณ์ และประสบความเครียดเมื่อไม่ได้เทรด การตระหนักถึงสัญญาณเหล่านี้จะช่วยป้องกันผลกระทบต่อการเงิน ความสัมพันธ์ และสุขภาพกายใจ
Pepperstone
Tickmill
FXTM
HFM
OANDA
VT Markets
Pepperstone
Tickmill
FXTM
HFM
OANDA
VT Markets
Pepperstone
Tickmill
FXTM
HFM
OANDA
VT Markets
Pepperstone
Tickmill
FXTM
HFM
OANDA
VT Markets