简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ: "การลงทุน" และ "การเทรด" แตกต่างกันในแง่ของกระบวนการและวิธีการบรรลุเป้าหมาย ที่โดยปกติแล้ว การลงทุน คือ วิธีระยะยาวในการพยายามสร้างรายได้จากเงิน ส่วนการเทรด คือ การทําธุรกรรมระยะสั้น
สำหรับมือใหม่ที่กำลังศึกษาการหารายได้ในตลาดการเงินต้องเจอคำว่า “การลงทุน” หรือ “การเทรด” แล้วทำให้ส่งสัยว่าสองคำนี้หรือสองวิธีนี้มีความแตกต่างหรือคล้ายกันมากแค่ไหน ไม่ก็อาจจะเข้าใจคำสองคำนี้ผิดอยู่ วันนี้มาเรียนรู้ความแตกต่าง และมาดูกันว่าแบบไหนดีกว่ากัน ในบทความนี้เลยครับ
การลงทุน
จุดมุ่งหมายของการลงทุน คือการสร้างผลกําไรในระยะยาว โดยการซื้อและถือครองเครื่องมือทางการเงินไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร หรือกองทุนรวม ซึ่งโดยทั่วไปแล้ว นักลงทุนจะไม่สนใจการเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้นในตลาดการเงิน แต่ใช้วิธีการแบบองค์รวมกับตลาดเงิน กล่าวคือ นักลงทุนมีความสนใจในการเติบโตโดยรวมของการลงทุนและมีความสุขที่จะรอการขยายระยะเวลาเพื่อให้มีการเติบโตมากขึ้น
การเทรด
ในทางกลับกัน การเทรดเป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้ประโยชน์จากการเคลื่อนไหวของราคาตลาดการเงินในระยะสั้น เทรดเดอร์จะเก็งกําไรทั้งช่วงที่ราคาเพิ่มขึ้นและลดลงโดยมีเป้าหมายที่เล็กกว่า แต่ผลกําไรจะไหลเข้ามาเป็นประจำ และเพราะเป็นการเทรดในระยะสั้น จึงเป็นเรื่องของประสบการณ์มากกว่าการลงทุน 'ซื้อและถือ' เทรดเดอร์จึงต้องใช้เวลาในการดูกราฟราคาและแนวคิด ว่าจะทำการเทรดด้วยกลยุทธ์อะไรได้บ้าง แต่ก็สามารถเข้าและออกจากตลาดได้บ่อยขึ้นตามที่ต้องการ โดยเทรดเดอร์จะวิเคราะห์ตลาดการเงิน หาเวลาที่เหมาะสมในการเข้าสู่ตลาดและออกจากตลาดเพื่อดูแนวโน้มของกําไรสูงสุดหรือจํากัดการสูญเสียในช่วงเทรดได้ ซึ่งเทรดเดอร์ที่ประสบความสําเร็จจะรีบยับยั้งการลงทุนทันทีเมื่อตลาดเริ่มส่งสัญญาณในขาลง
ความแตกต่างระหว่าง“การเทรด” และ “การลงทุน”
นักลงทุนและเทรดเดอร์จะเข้ามาในตลาดการเงินเพื่อวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ การสร้างผลกําไร แต่ก็ไม่ควรลืมว่าการลงทุนและการเทรดเป็นคล้ายเหรียญ 2 ด้าน จึงอาจนำมาซึ่งผลกำไรและการขาดทุนได้ สามารถกล่าวได้ว่า “การลงทุน” และ “การเทรด” แตกต่างกันในแง่ของกระบวนการและวิธีการบรรลุเป้าหมาย ที่โดยปกติแล้ว การลงทุน คือ วิธีระยะยาวในการพยายามสร้างรายได้จากเงิน ส่วนการเทรด คือ การทําธุรกรรมระยะสั้น
“การเทรด” และ “การลงทุน”แบบไหนดีกว่ากัน ?
ที่จริงแล้ว ไม่มีใครทราบได้ว่าแบบไหนจะดีสำหรับแต่ละคน แต่ขึ้นอยู่กับว่า แต่ละคนที่ถามจะทำอะไรและต้องการจะได้อะไรจากตลาดเงินแห่งนี้ ใครก็ตามที่อยากจะทำกำไรในตลาดอย่างต่อเนื่องและพยายามจะรักษาผลกําไรระยะสั้นไว้ก็น่าจะเหมาะกับการเทรดมากกว่า คนที่ชอบแนวคิดแบบสร้างรายได้แบบไม่ต้องลงแรงในระยะยาวและกําลังมองหาหนทางในการสร้างผลกําไรที่มั่นคงในช่วงเวลาที่ยาวนานขึ้นก็อาจจะชอบแนวการลงทุนมากกว่า
“การเทรด” และ “การลงทุน” แบบไหนที่เสี่ยงกว่ากัน?
ตลาดเงินยิ่งระยะเวลาสั้นก็จะมีความเสี่ยงมากขึ้น โดยเฉพาะเทรดเดอร์ สำหรับการเทรดในระยะสั้นมากๆ ก็จะเข้าออกตลาดได้บ่อยกว่านักลงทุน พูดง่ายๆ ก็คือ ยิ่งเข้ามาในตลาดบ่อยแค่ไหนก็มีแนวโน้มที่จะสูญเสียเงินมากขึ้น นอกจากนี้ เทรดเดอร์ส่วนใหญ่มีแนวโน้มที่จะเทรดด้วยเลเวอเรจ ทำให้สามารถเข้าถึงโพซิชันตลาดขนาดใหญ่ด้วยเงินฝากที่ลดลง ซึ่งโพซิชันขนาดใหญ่เหล่านี้ช่วยให้เทรดเดอร์สามารถขยายผลกําไรของตนเองได้เมื่อตลาดเคลื่อนไหวไปตามทิศทางที่ต้องการ แต่หากตลาดย้ายไปในทางตรงข้ามก็จะมีความเสี่ยงในการสูญเสียมากขึ้น และการลงทุนมีความเสี่ยง ทั้งการลงทุนและการเทรดจึงมีความเสี่ยงที่จะสูญเสียเงินลงทุน จึงควรทำการลงทุนหรือการเทรดอย่างระมัดระวัง ก่อนที่จะเริ่มต้นการลงทุนหรือการเทรดจริงๆ สิ่งสําคัญคือต้องสร้างความคุ้นเคยกับความซับซ้อนของตลาดเงินก่อน
ขอบคุณข้อมูลจาก admiralmarkets
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
บทความนี้สำรวจ 5 ประเทศที่เป็นศูนย์กลางการซื้อขายเงินตราระดับโลก ได้แก่: สหราชอาณาจักร (ลอนดอน) – ศูนย์กลางอันดับหนึ่งของโลก มีสภาพคล่องสูงสุดเพราะเชื่อมโยงตลาดเอเชียและอเมริกา สหรัฐอเมริกา (นิวยอร์ก) – ฐานหลักของดอลลาร์สหรัฐ และได้รับอิทธิพลจากนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐ สิงคโปร์ – ศูนย์กลางการเงินของเอเชีย และประตูสู่ตลาดเอเชียแปซิฟิก ฮ่องกง – เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจจีน และเป็นศูนย์กลางการซื้อขายเงินหยวนนอกประเทศจีน ญี่ปุ่น (โตเกียว) – ฐานหลักของเงินเยน และได้รับอิทธิพลจากนโยบายของธนาคารกลางญี่ปุ่น การเข้าใจโครงสร้างและลักษณะเฉพาะของตลาดเหล่านี้ ช่วยเพิ่มโอกาสในการทำกำไรและวางกลยุทธ์การซื้อขายได้อย่างมีประสิทธิภาพ
กรมสรรพากรสหรัฐฯ เลิกจ้างพนักงานราว 6,000 ตำแหน่งตามนโยบายทรัมป์
บทวิเคราะห์ทองคำ
กำไรจากการขายทองคำแท่งและทองรูปพรรณไม่ต้องเสียภาษี ตามประมวลรัษฎากร มาตรา 42(9) อย่างไรก็ตาม การออมทองไม่สามารถใช้ลดหย่อนภาษีได้ ยกเว้นค่ากำเหน็จทองรูปพรรณที่มีใบกำกับภาษี e-Tax Invoice บทความยังเปรียบเทียบภาระภาษีจากการลงทุนประเภทอื่น เช่น หุ้น พันธบัตร และคริปโตเคอร์เรนซี เพื่อช่วยให้นักลงทุนวางแผนภาษีได้อย่างเหมาะสม ทั้งนี้ การออมทองเป็นทางเลือกในการกระจายความเสี่ยง แม้ราคาจะผันผวนตามเศรษฐกิจโลก นักลงทุนจึงควรพิจารณาข้อมูลและวางแผนการลงทุนอย่างรอบคอบ
ATFX
TMGM
IC Markets Global
FXTM
Neex
FOREX.com
ATFX
TMGM
IC Markets Global
FXTM
Neex
FOREX.com
ATFX
TMGM
IC Markets Global
FXTM
Neex
FOREX.com
ATFX
TMGM
IC Markets Global
FXTM
Neex
FOREX.com