简体中文
繁體中文
English
Pусский
日本語
ภาษาไทย
Tiếng Việt
Bahasa Indonesia
Español
हिन्दी
Filippiiniläinen
Français
Deutsch
Português
Türkçe
한국어
العربية
บทคัดย่อ:บทความนี้นำเสนอเทคนิคการเทรด Pullback และ Throwback ซึ่งช่วยให้การทำกำไรในการเทรดง่ายขึ้น โดย Pullback หมายถึงการที่ราคาทะลุแนวรับแล้วกลับขึ้นมาทดสอบแนวรับเดิมก่อนจะปรับตัวลงต่อ ทำให้แนวรับเดิมกลายเป็นแนวต้าน มักพบในช่วงแนวโน้มขาลง ในขณะที่ Throwback คือการที่ราคาทะลุแนวต้านขึ้นไปแล้วกลับลงมาทดสอบแนวต้านเดิมก่อนจะปรับตัวขึ้นต่อไป ทำให้แนวต้านกลายเป็นแนวรับ มักพบในช่วงแนวโน้มขาขึ้น เทคนิคเหล่านี้สามารถนำมาใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เช่น Fibonacci หรือ Demand Supply เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อหรือขายตามแนวโน้มของตลาดได้
วันนี้แอดเหยี่ยวจะพานักเทรดมาทำความรู้จักกับเทคนิค Pullback และ Throwback ที่ช่วยให้การเทรดทำกำไรได้ง่ายขึ้น ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจความหมายและวิธีดู Pullback กับ Throwback กันก่อน ทั้งสองคือการที่ราคาทะลุแนวรับหรือแนวต้านเดิมไปแล้วกลับมาทดสอบอีกครั้ง ซึ่งจะทำให้แนวรับกลายเป็นแนวต้าน หรือแนวต้านกลายเป็นแนวรับ ใช้ประโยชน์จากตรงนี้ในการวิเคราะห์เพื่อหาจังหวะเข้าซื้อหรือขายได้ ไปเริ่มกันเลยดีกว่าครับ
Pullback
Pullback (PB) คือการที่ราคาทะลุเส้นแนวรับลงมา แล้วกลับขึ้นไปทดสอบแนวรับที่จุดเดิม ก่อนที่ราคาจะปรับตัวลงต่อไป ทำให้แนวรับเดิมซึ่งเคยเป็นจุดรับราคากลายเป็นแนวต้าน ปรากฏการณ์นี้มักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาลง
Throwback
Throwback (TB) เป็นสถานการณ์ตรงข้ามกับ Pullback โดยเกิดขึ้นเมื่อราคาสามารถทะลุเส้นแนวต้านขึ้นไปได้ จากนั้นราคาจะกลับลงมาทดสอบแนวต้านที่เดิมก่อนจะขึ้นต่อไป ซึ่งแนวต้านเดิมนั้นจะกลายเป็นแนวรับในภายหลัง ปรากฏการณ์นี้มักเกิดขึ้นในช่วงที่ตลาดอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น
ประโยชน์ของ PB/TB
Pullback และ Throwback สามารถใช้ร่วมกับเครื่องมือวิเคราะห์อื่น ๆ เพื่อช่วยในการเทรดได้ เช่น Fibonacci หรือแนวรับแนวต้าน โดยในเชิงเทคนิค เราจะรู้ว่าการเคลื่อนไหวของราคาเป็น Pullback หรือ Throwback เมื่อราคายังไม่สามารถทะลุแนวต้านหรือแนวรับเดิมได้ ซึ่งจังหวะนี้สามารถเป็นโอกาสในการทำกำไรในการเทรดได้
ในกรณีของแนวโน้มขาลง เราสามารถทำกำไรได้โดยรอให้ราคาดีดตัวขึ้นมาที่ระดับ Pullback เพื่อหาจังหวะในการ Sell ในทางตรงกันข้าม หากเป็นแนวโน้มขาขึ้น เมื่อราคากลับลงมาที่ Throwback เราสามารถหาจังหวะ Buy เพื่อเข้าตามแนวโน้มเดิม
นอกจากนี้ Pullback และ Throwback ยังสามารถนำมาพิจารณาร่วมกับเทคนิคอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเทรดได้ ตัวอย่างเช่น ในการเทรดแบบ Demand Supply ของทางบราโว่ ก็จะใช้ Pullback และ Throwback เป็นส่วนหนึ่งของการวิเคราะห์ร่วมด้วยเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาจก bravotradeacademy
อ่านข่าวสาร Forex ทั่วโลกเพิ่มเติมคลิกเลย : https://www.wikifx.com/th/original.html?source=tso4
คุณสามารถตรวจสอบใบอนุญาตโบรกเกอร์ Forex และอ่านรีวิวข้อมูลต่าง ๆ ได้ง่าย ๆ ผ่านแอป WikiFX เพียงแค่ไปค้นหาชื่อก็เจอข้อมูล ใครที่อยากได้ความรู้ เทคนิค กลยุทธ์การเทรด หรือการวิเคราะห์แนวโน้มตลาด ก็สามารถเข้ามาอ่านได้ อีกทั้งยังมีบริการ EA VPS บนแอป WikiFX อีกด้วย แอปเดียวที่จบครบเรื่อง Forex ดาวน์โหลดฟรี โหลดเลยตอนนี้จะพลาดได้ไง!
ข้อจำกัดความรับผิดชอบ:
มุมมองในบทความนี้แสดงถึงมุมมองส่วนตัวของผู้เขียนเท่านั้นและไม่ถือเป็นคำแนะนำในการลงทุน สำหรับแพลตฟอร์มนี้ไม่รับประกันความถูกต้องครบถ้วนและทันเวลาของข้อมูลบทความ และไม่รับผิดชอบต่อการสูญเสียใด ๆ ที่เกิดจากการใช้ข้อมูลในบทความ
กนง.เสียงแตกมติ 5 ต่อ 2 เสียง ลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 2.25% ต่อปี วันที่ 16 ตุลาคม 2567 นายสักกะภพ พันธ์ยานุกูล เลขานุการคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการฯ มีมติ 5 ต่อ 2เสียง ให้ลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ต่อปี จาก 2.50% ต่อปี เหลือ 2.25% ต่อปี ขณะที่จีดีพีปี 2567 อยู่ที่ 2.6% เป็น 2.7% และปี 2568 อยู่ที่ 3.0% เหลือ 2.9%
ระบบเทรด PVSRA (Price, Volume, Support and Resistance Analysis) เป็นกลยุทธ์ในการวิเคราะห์ตลาดที่มุ่งเน้นการศึกษา ราคา ปริมาณการซื้อขาย และแนวรับ-แนวต้าน เพื่อทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้เล่นหลักในตลาดและคาดการณ์แนวโน้มราคาในอนาคต การวิเคราะห์ประกอบด้วยการติดตามแนวโน้มราคา การประเมินปริมาณการซื้อขายเพื่อดูแรงกดดัน และการระบุจุดที่ราคามีแนวโน้มจะหยุดหรือพลิกกลับ โดยแบ่งการเข้าเทรดเป็นสองกรณี ได้แก่ ขาขึ้นและขาลง ระบบ PVSRA ช่วยให้ผู้เทรดตัดสินใจได้ดีขึ้นในตลาด Forex ผ่านการวิเคราะห์ที่เป็นระบบ แต่อาจมีจุดอ่อนที่ต้องพิจารณา เช่น ความเสี่ยงจากสัญญาณหลอกและความต้องการประสบการณ์ในการตีความข้อมูลอย่างถูกต้อง.
บทความนี้กล่าวถึงการเริ่มต้นเทรด Forex โดยอธิบายถึงจำนวนเงินขั้นต่ำที่จำเป็นในการเริ่มต้นและปัจจัยที่ควรพิจารณา การฝากเงินเข้าไปในบัญชีเทรดเป็นขั้นตอนแรก ซึ่งแต่ละโบรกเกอร์มียอดฝากขั้นต่ำที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปมักเริ่มต้นที่ $5 ถึง $50 การเลือกโบรกเกอร์จึงควรพิจารณาทั้งเงื่อนไขการฝากและการถอนเงิน รวมถึงโบนัสโปรโมชั่นที่อาจมีให้ แม้การเริ่มต้นเทรดจะใช้เงินไม่มาก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าความสำเร็จจะตามมาโดยอัตโนมัติ การบริหารความเสี่ยง การจัดการเงินทุน และการศึกษาเกี่ยวกับตลาดเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าจำนวนเงินทุนในบัญชี สำหรับมือใหม่ ควรเริ่มฝึกในบัญชีทดลอง (Demo) ก่อน เพื่อทำความเข้าใจการใช้เครื่องมือต่าง ๆ และเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์จริงในตลาด เมื่อพร้อมแล้วค่อยเปิดบัญชีจริงเพื่อเทรด การมีทุนหนาอาจช่วยลดความเสี่ยงบางส่วน แต่ไม่สามารถรับประกันความสำเร็จได้ เพราะนิสัยการเทรดและการจัดการเงินทุนเป็นปัจจัยหลักในการสร้างผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว
บทวิเคราะห์ทองคำ
ATFX
Octa
GO MARKETS
IC Markets Global
OANDA
VT Markets
ATFX
Octa
GO MARKETS
IC Markets Global
OANDA
VT Markets
ATFX
Octa
GO MARKETS
IC Markets Global
OANDA
VT Markets
ATFX
Octa
GO MARKETS
IC Markets Global
OANDA
VT Markets